โควิดคลัสเตอร์ใหญ่ภูทับเบิก หมอธีระชี้สะท้อนความเสี่ยงการใช้ชีวิตปกติ

21 ต.ค. 2564 | 02:08 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ต.ค. 2564 | 11:20 น.

หมอธีระสะท้อนบทเรียนคลัสเตอร์โควิด-19 ที่ภูทับเบิก ชี้สะท้อนความเสี่ยงการใช้ชีวิตปกติ ระบุการป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดเป็นเรื่องจำเป็น เผยไทยยังระบาดรุนแรงลำดับต้นของโลก

รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า
21 ตุลาคม 2564
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 442,391 คน ตายเพิ่ม 7,250 คน รวมแล้วติดไปรวม 242,758,252 คน เสียชีวิตรวม 4,936,663 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ อเมริกา สหราชอาณาจักร รัสเซีย ตุรกี และยูเครน
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 94.16 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 91.65 
สำหรับสถานการณ์ไทยเรา
เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 8,918 คน สูงเป็นอันดับ 11 ของโลก
แต่หากรวม ATK อีก 3,178 คน จะเขยิบเป็นอันดับ 10 ของโลก 
และไม่ว่าจะเป็นแค่ยอดที่รายงานทางการ หรือจะรวม ATK ก็ยังคงเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนอย่างต่อเนื่อง
ส่วนจำนวนการเสียชีวิต เมื่อวาน 79 คน สูงเป็นอันดับ 14 ของโลก

บทเรียนจากภูทับเบิก
ล่าสุดหมู่ 14 และ 16 ติดเชื้อกันไปแล้วถึง 303 คน
เป็นคลัสเตอร์ใหญ่ ที่เกิดขึ้นจากคนเดินทางจากกรุงเทพไปร่วมงานศพ และเกิดการแพร่กันมากมาย จนทำให้ข่าวออกมาเมื่อวานนี้ที่ต้องปิดรีสอร์ทและโรงแรมในพื้นที่แถวนั้นด้วย
เหตุการณ์เช่นนี้สะท้อนว่า การใช้ชีวิตประจำวันของเรานั้นล้วนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะไปงานศพ งานเลี้ยง พบปะญาติพี่น้อง หรือท่องเที่ยว การป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ
ประเทศไทยนั้นยังมีการระบาดที่รุนแรงติดลำดับต้นๆ ของโลกมาตลอด กระจายไปทั่ว และยังไม่สามารถควบคุมได้ 
การใส่หน้ากาก เจอคนน้อยๆ สั้นๆ ห่างๆ เป็นสิ่งสำคัญมาก

เกิดคลัสเตอร์ใหญ่ที่ภูทับเบิก
สถิติจาก WHO Weekly Epidemiological Report
รายงานออกมาวันที่ 19 ตุลาคม 2021 ที่ผ่านมา 
ทั่วโลกมีจำนวนติดเชื้อใหม่รายสัปดาห์ลดลง 4% และจำนวนเสียชีวิตเพิ่มรายสัปดาห์ลดลง 2%
ถ้าดูในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำนวนติดเชื้อใหม่ลดลง 13% จำนวนเสียชีวิตลดลด 19%
แต่ไทยเรานั้น จำนวนติดเชื้อใหม่รายสัปดาห์ (ยังไม่รวม ATK) ลดลงเพียง 2.6% และจำนวนเสียชีวิตลดลงเพียง 7%
จะเห็นได้ว่า สถิติของไทยเรามีจำนวนติดเชื้อรายสัปดาห์ลดลงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของโลก และของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตนั้นก็ลดลงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกัน
นี่คือข้อมูลที่ย้ำเตือนเราว่า สถานการณ์ระบาดนั้นไม่โอเค

อัพเดตเกี่ยวกับเรื่องไวรัสกลายพันธุ์ที่เป็นที่กังวล (Variants of Concern: VOC)
องค์การอนามัยโลกได้ทบทวนข้อมูลวิชาการ และอัพเดตเกี่ยวกับเรื่องนี้ พบว่า
หนึ่ง ข้อมูลปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าเดลต้านั้นทำให้แพร่เชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ แต่โอกาสป่วยรุนแรง น่าจะไม่ต่างจากอัลฟ่า 
สอง เดลต้านั้นชัดเจนว่ามีผลทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อัลฟ่า 
ประชาชนควรติดตามความรู้เกี่ยวกับไวรัสนี้ไป เพื่อให้รู้เท่าทัน และตัดสินใจประพฤติปฏิบัติในเรื่องต่างๆ อย่างเหมาะสม 
สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (covid-19) ในประเทศไทยวันที่ 21 ตุลาคม 2564 นั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามรายงานจากศูนย์ข้อมูล โควิด-19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า 
ติดเชื้อเพิ่ม 9727 ราย
ติดในระบบ 9072 ราย
ติดจากตรวจเชิงรุก 558 ราย
ติดในสถานกักตัว 26 ราย
ติดในเรือนจำ 71 ราย
สะสมระลอกที่สาม 1,792,716 ราย
สะสมทั้งหมด 1,821,579 ราย
หายป่วย 10,075 ราย
สะสม 1,699,934 ราย
รักษาตัวอยู่ 103,086 ราย
โรงพยาบาลสนาม 51,348 ราย
อาการหนัก 2687 ราย
ใช้เครื่องช่วยหายใจ 603 ราย
เสียชีวิต 73 ราย
สะสมระลอกที่สาม 18,465 ราย
สะสมทั้งหมด 18,559 ราย
ติดเชื้อเข้าข่าย (ATK)  2161 ราย
สะสม 240,303 ราย