ไทยครองแชมป์ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 อันดับ 1 อาเซียนต่อเนื่อง

30 ต.ค. 2564 | 02:04 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ต.ค. 2564 | 09:18 น.

"หมอธีระ" เตือนคนไทย ช่วงตั้งแต่คริสมาสต์เป็นต้นไป ให้ระวังการแพร่ระบาดระลอกใหม่ เผยให้สังเกตสถานการณ์ในชิลิและเดนมาร์ก ที่เปิดประเทศ ใช้ชีวิตเสรี พบการติดเชื้อรอบใหม่เพิ่มขึ้นต่อวัน 4 เท่า ในขณะที่ชิลิ เพิ่มเกือบ 5 เท่่า จากเดิม

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว สถานการณ์โควิดทั่วโลก 30 ตุลาคม 2564 ขณะนี้ยอดตายทั่วโลกทะลุ 5 ล้านคนไปแล้ว รายงานตัวเลขเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 ทั่วโลกติดเพิ่ม 461,639 คน ตายเพิ่ม 7,504 คน รวมแล้วติดไปรวม 246,719,394 คน เสียชีวิตรวม 5,003,852 คน  โดย 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ อเมริกา สหราชอาณาจักร รัสเซีย ยูเครน และตุรกี 

ไทยครองแชมป์ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 อันดับ 1 อาเซียนต่อเนื่อง

"จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 94.59 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 91.28"

ไทยครองแชมป์ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 อันดับ 1 อาเซียนต่อเนื่อง


รศ.นพ.ธีระ ย้ำว่า สถานการณ์ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 8,968 คน สูงเป็นอันดับ 13 ของโลก หากรวม ATK อีก 4,575 คน จะขึ้นเป็นอันดับ 8 ของโลก และไม่ว่าจะเป็นแค่ยอดที่รายงานทางการ หรือจะรวม ATK ก็ยังคงเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนอย่างต่อเนื่อง

คุณหมอธีระ ยังระบุอีกว่า สถานการณ์ภาพรวมของโลกควรติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในหลายต่อหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป นอกจากนี้ ยังดูเหมือนจุดต่ำสุดของระลอกสายพันธุ์เดลต้านี้ ดูจะสูงกว่าจุดต่ำสุดของระลอกสายพันธุ์อัลฟ่าและระลอกสายพันธุ์ G

ข้อควรสังเกตุ หมอธีระ แนะนำให้ดูสถานการณ์ของประเทศชิลี และเดนมาร์ก หลังเปิดเสรีการใช้ชีวิตและเดินทางระหว่างประเทศ โดยรายงานจาก Worldometer พบว่า เดนมาร์กในรอบ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนติดเชื้อใหม่ต่อวันเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า จาก 457 คน ณ 28 กันยายน เพิ่มขึ้นเป็น 1,847 คน ณ 28 ตุลาคม ในขณะที่ชิลี เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 5 เท่า จาก 431 คน ณ 28 กันยายน ไปเป็น 2136 คน ณ 28 ตุลาคม 

"นี่คือข้อมูลที่สะท้อนให้เห็น และคนไทยควรพิจารณาเตรียมการรับมือหลังจากมีการเปิดประเทศต้นเดือนหน้า อย่างที่เคยบอกไปว่าจะมี gap time อยู่ราว 6-8 สัปดาห์ ดังนั้นช่วงที่ควรระวังมากๆ คือช่วงตั้งแต่คริสตมาสเป็นต้นไป"
 
อย่างไรก็ตาม ไทยเรานั้นจะเสี่ยงกว่าชิลีและเดนมาร์ก เพราะข้อจำกัดเรื่องศักยภาพระบบการตรวจคัดกรองโรค ความครอบคลุมของการฉีดวัคซีนครบโดสที่น้อยกว่า และสถานการณ์ระบาดรายวันนั้นอยู่ระดับหลักหมื่นหากรวม ATK ดังนั้น gap time ที่กล่าวไว้ข้างต้นอาจสั้นลงกว่าเดิม 

ไทยครองแชมป์ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 อันดับ 1 อาเซียนต่อเนื่อง
นอกจากนี้ หมอธีระ ยังอัพเดตวัคซีน โดยอธิบายว่า Novavax เป็นวัคซีนประเภท recombinant protein nanoparticle ซึ่งมีประสิทธิผลสูงถึงกว่า 90% ในหลายประเทศ เช่น อเมริกา เม็กซิโก สหราชอาณาจักร ฯลฯ และได้พิสูจน์ในการวิจัยทางคลินิกระยะที่ 3 ว่า ได้ผลต่อสายพันธุ์ที่น่ากังวล (variants of concern) ด้วย โดยมีความปลอดภัยสูง อาการไม่พึงประสงค์น้อย และมีกลุ่มประชากรที่ศึกษาตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไปรวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุด้วย

ล่าสุด ได้มีการยื่นขอขึ้นทะเบียนกับทางหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องในสหราชอาณาจักร และออสเตรเลียแล้ว เพื่อใช้ในคนอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป 
เชื่อว่าวัคซีนนี้จะเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยในการต่อสู้โควิด-19 ได้อย่างมาก เพราะข้อได้เปรียบทั้งในแง่ประสิทธิผลในการป้องกันโรคโควิด-19 การจัดเก็บวัคซีน และเรื่องความปลอดภัยและอาการไม่พึงประสงค์..."รัฐบาลควรพิจารณาวัคซีนนี้เพื่อหาทางจัดซื้อจัดหา และนำมาใช้"

หมอธีระ ย้ำปิดท้ายโพสต์ว่า สถานการณ์ระบาดของเรายังรุนแรงต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีสติ ป้องกันตัวอย่างเป็นกิจวัตร ใส่หน้ากาก เพราะสำคัญมาก อยู่ห่างคนอื่นเกินหนึ่งเมตร จะช่วยลดอัตราติดเชื้อลงได้ 5 เท่า