วันนี้ (28 พ.ย. 64) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ศบค.) เมื่อวันศุกร์ที่ 26 พ.ย. 64 ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ได้มีมติมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยประสานการปฏิบัติกับทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับมาตรการในการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
“ตนได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และกรุงเทพมหานคร ดำเนินการตามมติที่ประชุม ศบค. โดยเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมในพื้นที่ ทั้งกลุ่ม 608 ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรค คือ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน, โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป รวมทั้งทุกกลุ่มประชากร ซึ่งหมายถึงพี่น้องประชาชนที่ถือสัญชาติไทย และบุคคลที่มิใช่สัญชาติไทย โดยจัดจุดฉีดวัคซีนทั้ง ณ สถานที่ที่กำหนด (On Site) และรูปแบบหน่วยเคลื่อนที่ (Mobile Unit) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และให้มอบหมายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน เร่งทำความเข้าใจกับผู้ที่ไม่ประสงค์จะฉีดวัคซีนด้วย และต้องดำเนินการตรวจหาเชื้อเชิงรุกอย่างสม่ำเสมอในพื้นที่เสี่ยง อาทิ ตลาด โรงงาน สถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนา เป็นต้น”
นอกจากนี้ ให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานคร เร่งประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกอบการโรงงาน โรงแรม ร้านอาหาร รวมทั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ให้ใช้ผลการฉีดวัคซีนประกอบการพิจารณาการจ้างงาน เพื่อป้องกันและคัดกรองโรคของพนักงาน และให้เตรียมความพร้อมในการเปิดกิจการสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ด้วยการประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับภาคเอกชน/ผู้ประกอบการ เตรียมการตามแนวปฏิบัติด้านสาธารณสุขและมาตรการความปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting) สำหรับกิจการบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด อย่างเคร่งครัด
นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ให้ความสำคัญในการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ร่วมกับแพลทฟอร์ม jitasa.care ซึ่งจัดทำโดยภาคีเครือข่ายจิตอาสา เพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลร่วมกับกรมควบคุมโรคและแพทย์จิตอาสา เป็นช่องทางที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และภาคีเครือข่าย สามารถช่วยกันใช้ในการดำเนินการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนในพื้นที่ได้ นอกจากนี้ได้สั่งการพร้อมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด กรุงเทพมหานคร รวมถึงนายอำเภอทุกอำเภอ ขับเคลื่อนมาตรการเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งบูรณาการภาคีเครือข่ายร่วมกันเสริมสร้างความเข้าใจและรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ใช้แอปพลิเคชั่นไทยชนะเมื่อไปยังสถานที่ต่าง ๆ และหมั่นตรวจเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK เพื่อพวกเราทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติตามรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 สามารถติดต่อสายด่วนโควิด-19 โทร. 1111 ตลอด 24 ชั่วโมง
"ไม่ว่าเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ไหน ๆ พวกเราทุกคนก็สามารถป้องกันได้ ด้วยการดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ทานอาหารครบทุกหมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ สวมใส่หน้ากาก เว้นระยะห่างทางสังคม ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และหมั่นตรวจเชื้อโควิด-19 สม่ำเสมอ พวกเราอยู่รอดปลอดภัยได้ถ้าไม่ประมาท การ์ดไม่ตก" นายสุทธิพงษ์ กล่าวย้ำในตอนท้าย