รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า
ล่าสุดไนจีเรียรายงานว่าพบเคส Omicron แล้ว 3 ราย
ส่วนรัฐนิวเซาธ์เวลส์ ประเทศออสเตรเลียพบเคส Omicron รายที่ 6 แล้ว นับเป็นคนที่ 7 ของออสเตรเลีย
เป็นชายอายุ 40 กว่าปี ได้วัคซีนครบโดส เดินทางกลับมาจากไนจีเรีย หลังจากอยู่มา 6 เดือน โดยแวะผ่านกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์
นี่เป็นเคสที่สอง ที่มีประวัติเดินทางเครื่องบินโดยผ่านมาทางโดฮา
บนเครื่องลำนั้น มีคนที่ตรวจพบว่าติดเชื้อหลายคน โดยมีการติดเชื้อแตกต่างกันหลายสายพันธุ์ คนนึงตรวจพบว่าเป็นเดลตา ส่วนอีกสามคนติดเชื้อ แต่ยังไม่มีข้อมูลเรื่องสายพันธุ์
ทั้งนี้ผู้โดยสารในเครื่องลำนั้นมีอย่างน้อย 6 คนที่มีประวัติเดินทางไปแถบแอฟริกาตอนใต้ในระยะ 14 วันก่อนหน้า
นอกจากนี้ อิตาลีก็รายงานพบติด Omicron เพิ่มอีก 5 ราย โดยทั้งหมดมีประวัติเชื่อมโยงกับเคสแรกด้วย
ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน พบว่า สำนักข่าวแชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน 5 รายแรกของประเทศแล้ว ในวันพุธที่ 1 ธ.ค. 2564 วันเดียวกับที่พวกเขาพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนามากกว่า 5,000 รายในวันเดียวเป็นครั้งแรก ท่ามกลางจำนวนผู้ป่วยอาการรุนแรงที่พุ่งสูงขึ้น
ตามการเปิดเผยของสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี (KCDA) คู่รักคู่หนึ่งซึ่งฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วทั้งคู่ ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 สายพันธ์ุโอไมครอน หลังจากเดินทางเข้าประเทศจากไนจีเรียเมื่อสัปดาห์ก่อน จากนั้นจึงตรวจพบว่าสมาชิกครอบครัวอีก 2 คน กับเพื่อนอีก 1 คน ก็ติดเชื้อด้วย
ขณะที่ทางการญี่ปุ่นยืนยัน พบผู้ติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์โอไมครอนรายแรกแล้ว เป็นทูตจากประเทศนามิเบียอายุประมาณ 30 ปี โดยถูกตรวจพบเชื้อที่สนามบินนาริตะ ใกล้กรุงโตเกียว หลังจากเพิ่งเดินทางมาถึง นับเป็นผู้ติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์รายแรกที่พบในญี่ปุ่น หลังจากที่ทางการญี่ปุ่นเพิ่งจะประกาศปิดประเทศ
ล่าสุดญี่ปุ่นยืนยันการพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนในประเทศรายที่ 2 แล้ว เป็นชายต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศเปรู
ส่วนนอร์เวย์พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเป็นนักท่องเที่ยวที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากแอฟริกาใต้ 2 ราย
และทางการซาอุดีอาระเบียรายงานพบผู้ติดเชื้อโอไมครอน 1 รายหลังเดินทางกลับมาจากประเทศในแถบแอฟริกาเหนือ ถือเป็นผู้ป่วยรายแรกของภูมิภาคแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง
ก่อนหน้านี้มีการรายงานว่า บราซิลเป็นชาติแรกในภูมิภาคอเมริกาใต้ที่รายงานพบการติดเชื้อโอไมครอนในผู้ป่วย 2 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศแอฟริกาใต้
อย่างไรก็ดี สถานการณ์การระบาดของโอไมครอนในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ยิ่งน่าวิตกมากขึ้นตามลำดับ หลังจากพบผู้ติดเชื้อโอไมครอน 6 รายก่อนหน้านี้ โดยทางการรัฐนิวเซาท์เวลส์แถลงยืนยันผู้ติดเชื้อรายที่ 7 เป็นชายวัย 40 เศษ เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้เมื่อ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมกับยืนยันว่า มีชาวต่างชาติอย่างน้อย 2 รายซึ่งยืนยันการติดเชื้อโอไมครอนไปก่อนหน้านี้ เดินทางไปยังหลายสถานที่ในนครซิดนีย์และอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดในชุมชนขึ้นได้
ที่ประเทศอังกฤษพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนที่ได้รับการยืนยันแล้วในอังกฤษรวม 22 ราย และยืนยันว่า ตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้นอีกอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ชาติในยุโรปยังคงพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนในประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสเปน พบผู้ติดเชื้อยืนยันแล้วเป็นรายที่ 2 นอกจากนั้นยังมีผู้ต้องสงสัยติดเชื้อโอไมครอนอีก 2 รายซึ่งคาดว่าจะยืนยันได้ภายในสัปดาห์นี้ โดยผู้ติดเชื้อรายแรกของสเปนเป็นชายวัย 51 ปี ที่เดินทางกลับมาจากแอฟริกาใต้ผ่านเนเธอร์แลนด์ ส่วนรายที่ 2 เป็นสตรีวัย 61 ปี ที่เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ ถูกระบุว่าติดเชื้อโอไมครอนทั้งๆ ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว 2 เข็ม