การฉีดวัคซีนโควิด-19 (Covid-19) สำหรับมนุษย์ดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเสียทีว่า คนกลุ่มไหน อายุเท่าไหร่ ควรจะได้รับวัคซีนกี่เข็มจึงจะเพียงพอในการป้องกันได้ดีที่สุด
ล่าสุด น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
คงจำเป็น !! ผู้สูงอายุ อาจต้องฉีดวัคซีนถึง 4 เข็ม เพื่อรับมือกับไวรัสโอมิครอน (Omicron)
จากสถานการณ์โควิดระบาดระลอกใหม่ ด้วยไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งมีความสามารถในการแพร่ระบาดเร็วกว่าเดลตา 4 เท่า แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า 3.5 เท่า
ตลอดจนวัคซีน 2 เข็ม มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อเหลือเพียง 30%
แต่เมื่อฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ประสิทธิผลเพิ่มขึ้นเป็น 60-80% ส่วนการป้องกันการป่วยหนักขึ้นไปที่มากกว่า 80% นั้น
ในประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นประเทศแรกของโลก ในการฉีดวัคซีนสามเข็มเป็นการทั่วไป
ขณะนี้ได้เริ่มฉีดเข็มที่ 4 ทั่วประเทศในกลุ่มเสี่ยง คือผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป และได้มีรายงานการศึกษาเบื้องต้นว่า ฉีด 4 เข็ม ดีกว่า 3 เข็มชัดเจนดังนี้
กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลได้แถลงในเบื้องต้นว่า จากการศึกษาของหลายสถาบันทางการแพทย์และสาธารณสุขพบว่า
วัคซีน 4 เข็ม สามารถป้องกันการป่วยรุนแรงในกลุ่มอายุ 60 ปี ได้ดีกว่า 3 เข็ม 3 เท่าตัว และป้องกันการติดเชื้อได้ดีกว่า 2 เท่าตัว
โดยตัวเลขเบื้องต้น คิดจากประชากร 1 ล้านราย ฉีดเข็ม 4 จำนวน 400,000 ราย และเข็ม 3 จำนวน 600,000 ราย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ทางศูนย์การแพทย์ Sheba ได้เผยแพร่รายงานการศึกษาเพิ่มเติมในกลุ่มเดียวกันนี้
แต่มีตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 1,138,681 ราย พบว่าเข็ม 4 กระตุ้นภูมิคุ้มกันขึ้นสูงกว่า แม้จะยังมีการติดเชื้ออยู่จำนวนพอสมควร โดยที่เคยได้ผลดีกับไวรัสเดลตา แต่ลดลงในกลุ่มโอมิครอน
สามารถสรุปได้ว่า
การฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 เมื่อผ่านไปมากกว่า 12 วัน เทียบกับฉีดเข็มที่ 3 เมื่อผ่านไปมากกว่า 4 เดือนนั้น
ลดการป่วยรุนแรงได้มากถึง 4.3 เท่า
และลดการติดเชื้อได้ 2.0 เท่า
ดังนั้นคงจะมีความจำเป็น สำหรับสถานการณ์โอมิครอนว่า ถ้าประเทศใดได้มีการฉีดเข็มที่ 3 นานกว่า 4 เดือนแล้ว
อาจจะต้องพิจารณาฉีดเข็มที่ 4 ต่อไป หรืออาจจะไปเริ่มต้นฉีดเข็มที่ 1 ของวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 2 ถ้าในตอนนั้นมีการวิจัยพัฒนาออกมาเสร็จเรียบร้อย
ดูเหมือนมนุษย์เรา จะต้องวนเวียนอยู่กับวัคซีน เพื่อรับมือกับไวรัสโคโรนาลำดับที่ 7 นี้อยู่ต่อไป อย่างน้อยก็อีกระยะหนึ่ง
ทั้งนี้จำเป็นจะต้องมีวินัยในการป้องกันตนเอง ด้วยหลักการเหมือนเดิมทุกประการ