ผวา! ติดเชื้อโควิดโอมิครอนพุ่งแตะ 5 หมื่นรายต่อวัน ยอดจากatk จะแซง PCR

23 ก.พ. 2565 | 19:11 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.พ. 2565 | 21:52 น.

ผวา ติดเชื้อโควิดโอมิครอนพุ่งแตะ 5 หมื่นรายต่อวัน ยอดจากatk จะแซง PCR หมอเฉลิมชัยชี้ถ้าขาด 3 ปัจจัยสนับสนุน ทั้งมาตรการรัฐ การฉีดวัคซีนเข็ม 3 และวินัยประชาชน

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

แนวโน้มโควิดระลอกที่สี่ ผู้ติดเชื้อ 50,000 รายต่อวัน เสียชีวิต 70  รายต่อวัน
จากสถานการณ์โควิดระลอกที่ 4 ที่อยู่ในช่วงขาขึ้น และมีการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อ ผู้รักษาตัวอยู่ และผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่องในขณะนี้นั้น

 

เกิดจากลักษณะธรรมชาติของไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอมิครอน (Omicron) ซึ่งมีความสามารถในการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางรวดเร็ว ติดต่อกันได้ง่าย
กล่าวคือติดง่ายกว่าไวรัสเดลตา 4-6 เท่า แต่มีความรุนแรงทำให้เสียชีวิตน้อยกว่าเดลตา 5 เท่า

 


เมื่อนำข้อมูลดังกล่าวข้างต้น มาประกอบกับสถิติโควิดระลอกที่ 3 ของประเทศไทย ซึ่งเกิดจากไวรัสเดลตา ก็พอประมาณการได้ว่า
 

จำนวนผู้ติดเชื้อ (PCR+ATK)ในระลอกที่ 4 นี้ น่าจะอยู่ประมาณ 50,000 รายต่อวัน

 

และการเสียชีวิต น่าจะประมาณ 70 รายต่อวัน ดังรายละเอียดต่อไปนี้

 

1.จำนวนผู้ติดเชื้อ : พบว่าในระลอกที่ 3 มีจำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันสูงสุดที่ 23,418 ราย(13สค2564)  โอมิครอนติดง่ายกว่า 4 เท่า จึงประมาณการได้ว่า อาจจะพบผู้ติดเชื้อสูงถึงวันละ 93,672 ราย

 

แต่ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากคือ มีการฉีดวัคซีนในระลอกนี้ มากกว่าระลอกที่แล้วอย่างมีนัยสำคัญ

 

แนวโน้มโควิดระลอกใหม่ผู้ติดเชื้อ 50,000 รายต่อวัน

 

จึงทำให้ผู้จำนวนผู้ติดเชื้อน่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับราว 50,000 รายต่อวัน
ทั้งนี้ต้องมีปัจจัยสนับสนุนประกอบด้วย มาตรการของรัฐที่มีความเข้มข้นเหมาะสมกับสถานการณ์  มีการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ครบ 50 ล้านคน และวินัยของประชาชนที่ยังป้องกันตัวเองกันเป็นอย่างดี

 

ถ้าขาด 3 ปัจจัยดังกล่าวข้างต้น โอกาสที่ผู้ติดเชื้อจะมากกว่าวันละ 50,000 รายก็เป็นไปได้สูง
 

โดยลักษณะของจำนวนผู้ติดเชื้อต่อวัน จะทยอยพบผู้ติดเชื้อเข้าข่ายหรือ ATK เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ และคาดว่าน่าจะแซงหน้าจำนวนผู้ติดเชื้อที่ตรวจยืนยันด้วย PCR

 

เนื่องจากผู้ติดเชื้อจากไวรัสโอมิครอน ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ จึงมักจะไม่ได้ไปตรวจด้วยวิธี PCR ที่สถานพยาบาล

 

แต่มักจะซื้อชุดตรวจ ATK มาตรวจด้วยตนเองที่บ้าน เนื่องจากมีราคาถูก ทราบผลรวดเร็ว และหาซื้อได้ง่ายพอสมควร

 

2.จำนวนผู้เสียชีวิต : เนื่องจากไวรัสโอมิครอนมีความรุนแรงน้อย ทำให้เสียชีวิตน้อยกว่าเดลตา 5 เท่า

 

ในช่วงที่เดลต้าระบาดระลอกที่ 3 พบอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 1% จึงคาดว่าการเสียชีวิตจากโอมิครอนน่าจะอยู่ที่ 0.2%

 

เมื่อคาดการณ์ผู้ติดเชื้อวันละ 50,000 ราย จึงคาดว่าผู้เสียชีวิตไม่น่าจะเกิน 100 ราย

 

แต่เนื่องจากมีการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง 8 กลุ่ม ก็จะส่งผลทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตต่ำกว่า 100 ราย น่าจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 70 ราย

 

แต่ถ้าสามารถระดมฉีดวัคซีนในกลุ่ม 608 ได้ครบ 100% จำนวนผู้เสียชีวิตน่าจะต่ำกว่า 50 รายได้

 

ทั้งนี้มีตัวแปรที่สำคัญคือ จำนวนเตียงในโรงพยาบาลหลัก ซึ่งจะต้องบริหารจัดการ ให้ผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยอยู่ที่โรงพยาบาลสนามและแยกกักที่บ้าน

 

เพื่อทำให้เตียงในโรงพยาบาลหลัก มีว่างเพียงพอที่จะรองรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการปานกลางถึงอาการหนักไดั

 

ก็จะทำให้จำนวนผู้เสียชีวิต เป็นไปตามประมาณการดังกล่าวข้างต้น
กล่าวโดยสรุป

 

  • โควิดระลอกที่ 4 จากไวรัสโอมิครอน ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ 1 มกราคม  2565 ยังอยู่ในช่วงขาขึ้นต่อเนื่อง

 

  • จำนวนผู้ติดเชื้อต่อวัน จะขยับตัวขึ้นไปอยู่ที่ราว 50,000 ราย ถ้ารัฐออกมาตรการที่เหมาะสม  ฉีดวัคซีนได้ดี ประชาชนมีวินัยและร่วมมือกันอย่างดี

 

  • ถ้ามาตรการของรัฐไม่เหมาะสม วัคซีนไม่ได้ตามเป้าหมาย และวินัยของประชาชนหย่อนยานลง  จำนวนผู้ติดเชื้ออาจจะเกินกว่า 50,000 ราย ไปแตะ 100,000 รายต่อวันได้

 

  • จำนวนผู้เสียชีวิตน่าจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 70 รายต่อวัน และถ้าฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยงได้ดี อาจจะอยู่ที่ 50 รายต่อวัน

 

  • กรณีที่มีการติดเชื้อขึ้นไปแตะระดับ 100,000 รายหรือมากกว่า อาจจะมีผู้เสียชีวิตเกินกว่าวันละ 100 รายได้