วัคซีนต้านโควิด19 ถือเป็นอาวุธสำคัญในการป้องกันโควิด-19 (Covid-19) โดยเฉพาะการฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 เพื่อป้องกันสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron)
พล.อ.ท.อนุตตร จิตตินันทน์ (หมออนุตตร) ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว (Anutra Chittinandana) โดยมีข้อความว่า
อีกงานวิจัยที่แสดงถึงความจำเป็นในการรับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ในผู้ที่รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว
ทั้งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (ChAdOx1 nCoV-19) ไฟเซอร์ (BNT162b2) หรือโมเดอร์นา (mRNA-1273) ในช่วงสถานการณ์การระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน
และการกระตุ้นด้วยเข็มที่ 3 ควรเป็น mRNA (ไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา) เพราะยังไม่มีรายงานประสิทธิผลของการกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีนชนิดอื่น
รายงานตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ New England Journal of Medicine เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565
แสดงประสิทธิผลของวัคซีนโควิด 19 ต่อสายพันธุ์เดลตาและโอมิครอนจากประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 ถึง 12 มกราคม 2565
โดยมีผู้ป่วยติดเชื้อโอมิครอน 886,774 ราย ติดเชื้อเดลตา 204,154 ราย และกลุ่มควบคุมที่ไม่ติดเชื้อ 1,572,621 ราย
พบว่าประสิทธิผลของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าครบ 2 เข็มต่อโอมิครอน จะไม่เหลืออยู่เลยเมื่อเวลาผ่านไป 20 สัปดาห์
ในขณะที่ประสิทธิผลของวัคซีนไฟเซอร์ครบ 2 เข็ม เท่ากับ 65.5% ที่ 2-4 สัปดาห์ แต่จะลดลงเหลือ 8.8% เมื่อเวลาผ่านไปนานกว่า 25 สัปดาห์
รวมทั้งประสิทธิผลของวัคซีนโมเดอนาครบ 2 เข็ม เท่ากับ 75.1% ที่ 2-4 สัปดาห์ ลดลงเหลือ 14.9% เมื่อเวลาผ่านไปนานกว่า 25 สัปดาห์
ประสิทธิผลของวัคซีนแอสตราเซเนกา 2 เข็มเพิ่มขึ้นเป็น 62.4% ที่ 2-4 สัปดาห์หลังจากกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีนไฟเซอร์ ก่อนที่จะลดลงเหลือ 39.6% หลัง 10 สัปดาห์
และถ้ากระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีนโมเดอนาประสิทธิผลจะเพิ่มขึ้นเป็น 70.1% ที่ 2-4 สัปดาห์ และลดลงเป็น 60.9% ใน 5-9 สัปดาห์
ประสิทธิผลของวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม หลังจากกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีนไฟเซอร์ เพิ่มขึ้นเป็น 67.2% ที่ 2-4 สัปดาห์ก่อนที่จะลดลงเหลือ 45.7% ที่ 10 สัปดาห์ขึ้นไป
และถ้ากระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีนโมเดอร์นา ประสิทธิผลจะเพิ่มขึ้นเป็น 73.9% ที่ 2-4 สัปดาห์ และลดลงเป็น 64.4% ที่ 5-9 สัปดาห์
แต่การกระตุ้นด้วยวัคซีน mRNA เข็มที่ 3 ก็ไม่ได้ป้องกันการเป็นโควิด 19 ได้ 100% และประสิทธิผลของการป้องกันค่อย ๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
นอกจากนั้นข้อมูลจากงานวิจัยอื่น ๆ ก็แสดงว่าป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้
อย่างไรก็ตามมาตรการการป้องกันส่วนบุคคลอย่างเข้มงวดยังคงมีความสำคัญในช่วงการระบาดของโอมิครอนที่มีการติดต่อกันได้ง่าย