“สนธิรัตน์”แนะรัฐลดต้นทุนน้ำมัน เปลี่ยนภาษีสรรพสามิตเป็นภาษีคาร์บอน

21 มี.ค. 2565 | 15:00 น.
อัปเดตล่าสุด :21 มี.ค. 2565 | 22:01 น.

“สนธิรัตน์”แนะรัฐบาลลดต้นทุนน้ำมัน คำนึงถึงต้นทุนแฝง เปลี่ยนภาษีสรรพสามิตเป็นภาษีคาร์บอน ดึงค่าเครดิตให้ประเทศ ส่งออกง่าย เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

วันที่ 21 มีนาคม 2565 ที่โรงแรมหรรษา นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย แสดงความคิดเห็นวิกฤติพลังงานในปัจจุบัน ว่าเป็นวิกฤติที่ใหญ่และไม่สามารถควบคุมได้ 

 

ส่วนตัวเป็นห่วงเรื่องต้นทุนพลังงานมากที่สุด เนื่องจากจะมีผลกระทบโดยตรงกับค่าครองชีพและต้นทุนการทำธุรกิจ อยากให้รัฐบาลออกมาตรการที่ช่วยแบ่งเบาภาระของประชาชนได้ทันที นอกเหนือจากการชดเชยค่าน้ำมัน ค่าแก๊สเพียงอย่างเดียว

นายสนธิรัตน์ เสนอขั้นตอนการลดต้นทุนพลังงาน โดยให้นำเข้าน้ำมันดิบเข้ามากลั่นในโรงกลั่นในประเทศไทย เพราะเชื่อว่ากำลังการผลิตของไทยเพียงพอ และกำลังขยายตัว 

 

“รัฐบาลต้องคิดให้ง่ายในช่วงเวลาสั้นๆ ว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ต้นทุนน้ำมันสะท้อนต้นทุนจริง ไม่จำเป็นต้องอิงกับราคาของสิงคโปร์และบวกรวมค่าขนส่ง อะไรก็ตามที่กระทบต้นทุนตรง ต้องดูว่ามีต้นทุนแฝงอยู่ในนั้นหรือไม่ และจะลดต้นทุนแฝงนั้นได้อย่างไรเพื่อให้ราคาน้ำมันถูกลง”

นายสนธิรัตน์ ยังเสนอให้ลดภาษีสรรพสามิตการนำเข้าน้ำมันดิบ เพื่อจะได้ลดเงินชดเชยตามไปด้วย โดยปัจจุบันรัฐบาลกำลังจัดกลุ่มน้ำมันให้อยู่ในภาษีฟุ่มเฟือย เพราะต้องการให้ประชาชนลดการใช้น้ำมัน 

 

แนวทางแก้ไขเสนอนโยบายภาษีคาร์บอน โดยเฉพาะเรื่องคาร์บอนเครดิต ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ เช่น การนำเข้าสินค้าเข้าสู่ประเทศแถบยุโรป หากนำเข้าสินค้าที่ใช้พลังงานคาร์บอนมากเท่าใดจะถูกเรียกเก็บภาษีมากเท่านั้น

 

“ผมเห็นว่าควรจะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตให้เป็นภาษีคาร์บอนมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด หากประเทศไทยมีการจัดเก็บภาษีคาร์บอนที่ดี จะทำให้ไทยมีคาร์บอนเครดิต ซึ่งจะทำให้การส่งออกสินค้าไปสู่ประเทศในแถบยุโรปง่ายยิ่งขึ้นด้วย ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันให้กับประเทศไทย” นายสนธิรัตน์กล่าว