ยอดโควิดวันนี้ในไทย โอมิครอน (Omicron) สายพันธุ์ย่อยที่ 2 (BA.2) กลายเป็นสายพันธุ์หลักของไทยเป็นที่เรียบร้อย
น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่ 2 (BA.2) กลายเป็นสายพันธุ์หลักของไทยด้วยสัดส่วน 96% คาดว่าสายพันธุ์ลูกผสม XE จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักลำดับถัดไป
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รายงานสัดส่วนของไวรัสที่เป็นต้นเหตุของผู้ติดเชื้อในขณะนี้
พบข้อมูลที่น่าสนใจคือ ล่าสุดพบไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 มากถึง 95.9% เหลือ BA.1 เพียง 4%
ทั้งนี้ถ้าย้อนหลังกลับไปดูเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว
จะเห็นได้ว่าความสามารถของสายพันธุ์ย่อย BA.2 ซึ่งแพร่เร็วกว่าสายพันธุ์ย่อย BA.1 อยู่ 30% สามารถครองสัดส่วนหลักสำเร็จภายในเวลาเพียง 1 เดือน และเกือบครบ 100% ภายในเวลาเพียง 2 เดือน
จากข้อเท็จจริงดังกล่าว เมื่อย้อนกลับไปดูในอดีตของโควิด จะพบว่าการที่ไวรัสสายพันธุ์ใดจะกลายเป็นสายพันธุ์หลัก ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญคือ ความสามารถในการแพร่ระบาด
โดยได้พบลำดับของการเป็นสายพันธุ์หลัก ทดแทนสายพันธุ์เดิมดังนี้
โดยเริ่มพบ Omicron (BA.1) เมื่อวันที่ 4-10 ธันวาคม ด้วยจำนวน 1.5%
27-28 ธันวาคม พบเพิ่มขึ้นเป็น 66.5%
และในช่วงมกราคม 2565 พบมากกว่า 90%
การที่มีไวรัสสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นมาแทนไวรัสสายพันธุ์เดิม ในช่วงที่ไวรัสสายพันธุ์เดิมระบาดยังไม่ถึงพีคหรือจุดสูงสุด จะส่งผลให้พีคขยับตัวสูงขึ้น และห่างออกไปอีก
จึงคาดได้ว่าพีคของการระบาดระลอกที่ 4 จากโอมิครอนอาจจะขยับสูงขึ้น และห่างออกไป เนื่องจากมีไวรัสสายพันธุ์ย่อยรูปผสม XE มาแทน BA.2
เช่นเดียวกับที่สายพันธุ์ย่อย BA.2 เคยทำให้พีคระลอกที่ 4 สูงขึ้นต่อเนื่อง จากการทดแทน BA.1
หวังว่าจะไม่มีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ เพราะถ้าไวรัสสายพันธุ์ใหม่แพร่เร็วกว่าเดิม ก็จะทำให้ระลอกนี้ยาวนานออกไป และมีพีคสูงมากขึ้น