วัคซีนป้องกันฝีดาษลิงควรฉีดหรือไม่ กลุ่มไหนที่ควรฉีดก่อนเป็นประเด็นคำถามที่ต้องการคำตอบ หลังจากที่โรคฝีดาษลิงเริ่มแพร่กระจายไปหลายประเทศ
น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
สหรัฐฯฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษลิงแล้ว เริ่มในกลุ่มเสี่ยงคือ บุคลากรทางการแพทย์ และคนทั่วไปที่สัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง
จากสถานการณ์ฝีดาษลิง ซึ่งได้เพิ่มจำนวนประเทศ และจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้นเป็นลำดับ
ตลอดจนเป็นการติดเชื้อกันเองในแต่ละประเทศ โดยไม่มีประวัติการเดินทางมาจากแอฟริกา หรือการสัมผัสสัตว์ที่เป็นแหล่งกำเนิดโรค
ในขณะนี้ทางสหรัฐอเมริกา โดยผู้อำนวยการ USCDC ได้แจ้งว่า ทางสหรัฐฯได้เตรียมการรองรับการระบาดของฝีดาษลิงมานานนับทศวรรษแล้ว
โดยมีวัคซีนสองชนิด และยาต้านไวรัสอีกสองชนิด เพื่อใช้ในการป้องกันและรักษาการติดเชื้อไวรัสกลุ่ม Orthopox ซึ่งรวมทั้งฝีดาษลิงและฝีดาษคน
โดยวัคซีนสองชนิดในขณะนี้ประกอบด้วย
เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า วัคซีนป้องกันฝีดาษคนหรือไข้ทรพิษ (Smallpox) สามารถป้องกันฝีดาษลิง (Monkeypox) ได้อย่างน้อย 85%
ทางการสหรัฐฯ ได้แนะนำให้เริ่มฉีดวัคซีนป้องกัน ฝีดาษลิงในกลุ่มเสี่ยงสูงแล้ว ได้แก่
ยังไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนปูพรมเป็นการทั่วไป เพราะฝีดาษลิงติดได้ยากกว่าโควิด-19 และขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยยังมีไม่มากนัก
ผู้ป่วยฝีดาษลิงเคสแรกในสหรัฐอเมริกา พบที่โรงพยาบาลทั่วไปของรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งทางการสหรัฐฯได้ส่งวัคซีนเพื่อฉีดให้กับบุคลากรในโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว
เป้าหมายของการจัดการสถานการณ์ฝีดาษลิงได้แก่
โชคดีที่ระยะฟักตัวของฝีดาษลิงกินเวลานานเฉลี่ย 12 วัน (7-21 วัน) ทำให้การฉีดวัคซีนมีเวลาเพียงพอที่จะกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันขึ้น
จึงสามารถฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่สัมผัสเสี่ยงและเกิดติดเชื้อแล้ว ถ้ายังติดเชื้อไม่เกิน 4 วัน วัคซีนก็จะสามารถฉีดป้องกันโรคได้
คงจะต้องติดตามสถานการณ์ฝีดาษลิงอย่างใกล้ชิดต่อไปว่า วัคซีนแบบใหม่จะมีจำนวนการผลิตมากน้อยเพียงใด และวัคซีนแบบเก่าจะสามารถนำมาใช้ได้หรือไม่อย่างไร
ส่วนยารักษา ก็คงจะต้องติดตามรายละเอียดกันต่อไป