น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
ข้อมูลล่าสุด !! ต้องฉีดวัคซีนโควิดขั้นต่ำ 3 เข็ม เพื่อรับมือไวรัสโอมิครอน ส่วนการติดโควิดตามธรรมชาติก็ได้ภูมิคุ้มกันไม่สูงมากพอ
ณ ปัจจุบัน (20 มิถุนายน 2565) คนไทยจำนวน 53 ล้านคน หรือ 76.2% ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบ 2 เข็มแล้ว
โดยมีผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นครั้งที่ 1 ซึ่งนับเป็นเข็มที่ 3 จำนวน 29 ล้านคน คิดเป็น 42%
จะเห็นได้ว่า ผู้ที่รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 มีจำนวนน้อยกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว มากถึง 24 ล้านคน
ทั้งที่มีวัคซีนจำนวนเพียงพอ มีชนิดของวัคซีนที่หลากหลายครบถ้วน ตลอดจนมีสถานที่ฉีดสะดวกและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
จึงเป็นเหตุที่ทำให้ต้องมาวิเคราะห์หาสาเหตุของผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว แต่ยังไม่มาฉีดเข็มที่ 3
มีเหตุปัจจัยหลายประการ ที่ยังไม่มาฉีดเข็ม 3 เช่น ติดโควิด-19ไปก่อนแล้ว และยังไม่ถึงเวลาที่จะฉีดเข็ม 3 เป็นต้น
แต่มีคนเป็นจำนวนมากพอสมควรที่ถึงเวลาที่จะฉีดกระตุ้นเข็ม 3 แล้ว แต่ยังไม่มาฉีด เพราะได้รับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน หรืออาจไม่ถูกต้อง
วันนี้เราจึงจะมาดูข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ ให้ถูกต้องและครบถ้วน เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด ดังนี้
1.ในช่วงปี 2564
ช่วงมกราคม-มีนาคม 2564
ไวรัสสายพันธุ์อู่ฮั่นเป็นสายพันธุ์หลัก
ช่วงเมษายน-มิถุนายน 2564
ตามด้วยไวรัสสายพันธุ์อัลฟ่า
ช่วงกรกฎาคม-ธันวาคม 2564
เป็นไวรัสสายพันธุ์เดลตา
ในช่วงปี 2564 ซึ่งมีไวรัสเด่นสามสายพันธุ์นั้น การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 2 เข็มได้ผลดี ในระดับป้องกันการติดเชื้อได้ 70-95% และลดการเสียชีวิตได้ 90-98%
จึงมีคำแนะนำในช่วงปี 2564 ให้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดจำนวน 2 เข็ม
2.นับตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนเริ่มระบาด และเข้าแทนที่ไวรัสเดลต้าเดิมเกือบทั้งหมดแล้ว
จากการศึกษาพบว่าวัคซีน 2 เข็มที่เคยใช้รับมือกับไวรัสในปี 2564 ได้ดี ไม่สามารถจะรับมือกับไวรัสโอมิครอนได้
โดยพบว่าวัคซีน 2 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อโอมิครอนไม่ได้ แต่ยังกันป่วยหนักเสียชีวิตได้
เมื่อฉีดเข็ม 3 พบว่าประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อ เพิ่มจาก 0% เป็น 56% และลดการเสียชีวิตได้ 88%
จึงมีคำแนะนำในปัจจุบัน ให้ฉีดวัคซีน 3 เข็มเป็นอย่างน้อย เพื่อรับมือกับไวรัสโอมิครอน
3.มีการศึกษาว่า ฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 พบว่าเพิ่มประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อขึ้นเป็น 84.7% ส่วนการเสียชีวิตยังไม่มี
จึงมีคำแนะนำให้ฉีดเข็มที่ 4 ในกลุ่มเสี่ยงได้แก่ กลุ่ม 608 และกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า
4.การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ถ้าฉีดใกล้กับวัคซีนพื้นฐานมากเกินไป ภูมิคุ้มกันจะขึ้นไม่สูงนัก แต่ถ้าฉีดห่างออกมา ยิ่งห่างมาก ระดับภูมิคุ้มกันที่ได้จะยิ่งสูงมากขึ้น
จึงแนะนำให้ฉีดวัคซีนกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นเข็ม 3 หรือเข็ม 4 อย่างน้อยห่างจากวัคซีนก่อนหน้านั้น 3-4 เดือนขึ้นไป นานกว่านั้นได้
5.การติดโควิดจากไวรัสโอมิครอนจะแตกต่างกับไวรัสเดิมคือ เมื่อหายดีแล้ว ระดับภูมิคุ้มกันขึ้นไม่มากนัก จึงมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อซ้ำได้
สรุป