น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
ผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่มขึ้นอีก 27.6% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องเร่งวัคซีนเข็ม 3 ในกลุ่มเสี่ยง 608 โดยด่วน จึงจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้
ขณะนี้ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย กำลังประสบปัญหา มีผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในทุกภูมิภาค
เหตุเกิดจากไวรัส Omicron (โอมิครอน) มีการกลายพันธุ์เป็น BA.5 ที่มีความสามารถในการแพร่ระบาดเร็วกว่าทุกสายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาก่อโรคโควิดที่เคยมีมา
แต่ด้วยเหตุปัจจัยที่ความสามารถในการก่อโรครุนแรงจนเสียชีวิตไม่ได้เพิ่มขึ้นจากไวรัส Omicron ดั้งเดิม และยังลดลงจากไวรัส Delta ค่อนข้างมาก
จึงทำให้ทั้งภาครัฐบาลและประชาชนเกือบทุกประเทศ เกิดการรับรู้ในทำนองว่า ไวรัส Omicron ติดเชื้อมาก แต่เสียชีวิตน้อย
และด้วยความจำเป็นทางเศรษฐกิจ ที่ได้รับ
ผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเนื่องกันมายาวนาน
จึงเกิดการผ่อนคลายมาตรการทางสาธารณสุข ทั้งจากภาครัฐและประชาชน เช่น การเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาโดยไม่ต้องตรวจพีซีอาร์หรือเอทีเค การไม่บังคับให้สวมหน้ากากอนามัยอีกต่อไป เป็นต้น
ทำให้เกือบทุกประเทศ (ยกเว้นจีน) ยอมรับที่จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น หรือที่ใช้คำพูดว่า “อยู่ร่วมกันกับโควิด”
แต่การปรับเปลี่ยนการรายงานสถิติตัวเลข ด้วยเหตุผลทางวิชาการมาประกอบบางส่วน (ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจในการส่งสัญญาณสาธารณะทางจิตวิทยา)
ทำให้สาธารณะหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยเข้าใจว่า เรามีผู้ติดโควิดจากไวรัส Omicron ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับไวรัส Delta
ทั้งที่ความเป็นจริง มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่ไม่สามารถระบุตัวเลขชัดเจนได้ ที่ไม่ได้มีการรายงานอย่างเป็นทางการ (ประมาณ 5-10 เท่า)
อย่างไรก็ตาม ในมิติของจำนวนผู้ติดเชื้อ เนื่องจากส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง (608) จึงพอจะยอมรับได้ในระดับหนึ่ง ที่เราจะอยู่ร่วมกับโควิด เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้
แต่ในมิติของผู้เสียชีวิต เราไม่ควรยอมรับหรือยอมจำนน ให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เราสามารถบริหารจัดการป้องกันได้
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยอดผู้เสียชีวิตขยับตัวเพิ่มขึ้น 27.6% จากวันละ 29 ราย เป็น 37 ราย
นั่นก็คือการเสียชีวิตในกลุ่มเสี่ยง 608 ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3
เพราะเป็นที่ทราบกันว่า
เมื่อมาพิจารณาสถิติตัวเลขการฉีดวัคซีน 3 เข็ม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ถือว่าเราสามารถพยายามจัดการได้ แม้จะไม่ง่ายนัก เพื่อให้จำนวนผู้เสียชีวิตลดลง
พบว่าขณะนี้มีการฉีดเข็ม 3 เพียง 30.89 ล้านโดส คิดเป็น 44.4% โดยเป้าหมายคือ 60% (ที่จริงควรเป็น 70%) หรือ 42 ล้านโดส ยังขาดที่จะต้องเร่งฉีดอีก 11.11 ล้านโดส
แต่ตลอดเดือนกรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา มีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนเพียงวันละประมาณ 60,000 ราย
ถ้ายังคงฉีดในอัตราเช่นนี้ กว่าจะฉีดเข็ม 3 ได้ครบเป้าหมายที่กำหนด ก็ต้องใช้เวลาถึง 6 เดือน หรือ 185 วัน
ในตลอดระยะเวลา 6 เดือนข้างหน้า ก็จะทำให้มีผู้เสียชีวิต ที่เราสามารถจะป้องกันได้เกิดขึ้น
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก และไม่ควรยอมรับหรือยอมจำนน
จึงต้องเร่งทุ่มเท ในการที่จะพยายามทุกวิถีทาง เร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะช่วยชีวิตกลุ่ม 608 ไม่ให้เสียชีวิตในอัตราที่เพิ่มขึ้น