ชัดแล้ว! ฟาวิพิราเวียร์รักษาโควิด มีผลไม่ต่างจากยาหลอก เตือนเสี่ยงอันตราย

08 ก.ย. 2565 | 01:30 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ก.ย. 2565 | 10:07 น.

ชัดแล้ว! ฟาวิพิราเวียร์ไม่ได้ผลกับการรักษาโควิด-19 เตือนเสี่ยงอันตราย หมอธีระเผยผลวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารการแพทย์โรคติดเชื้อระดับโลก Clinical Infectious Diseases

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความ

 

Favipiravir (ฟาวิพิราเวียร์) สำหรับโรคโควิด-19

 

Golan Y และคณะ ได้เผยแพร่ผลการวิจัยที่สำคัญมาก เผยแพร่ในวารสารการแพทย์โรคติดเชื้อระดับโลก Clinical Infectious Diseases วันที่ 6 กันยายน 2565

 

เป็นการศึกษาทางคลินิก แบบสุ่ม และมีกลุ่มควบคุม (Randomized double-blinded controlled trial) 

 

โดยทำแบบสหสถาบัน 27 แห่งในอเมริกา 7 แห่งในเม็กซิโก และอีก 7 แห่งในบราซิล

 

ในกลุ่มประชากรขนาดใหญ่จำนวน 1,187 คนที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 ซึ่งมีอาการน้อยถึงปานกลาง 
 

และศึกษาประสิทธิผลของ Favipiravir เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้ยาหลอก

 

สาระสำคัญคือ ทั้งสองกลุ่มไม่ได้แตกต่างกัน ทั้งในเรื่องระยะเวลาที่ใช้จนอาการดีขึ้น 

 

ระยะเวลาจนตรวจไวรัสไม่พบ สัดส่วนของคนที่ตรวจไม่พบไวรัสหลังสิ้นสุดการรักษา

 

ฟาวิพิราเวียร์ไม่ได้ผลกับการรักษาโควิด-19

 

ทั้งนี้กลุ่มที่ใช้ยา Favipiravir นั้นพบว่ามีอัตราการเกิดปัญหากรดยูริคในเลือดสูง 

 

มากกว่ากลุ่มที่ได้ยาหลอกถึง 7 เท่า (19.9% ในกลุ่ม Favipiravir และ 2.8% ในกลุ่มที่ได้ยาหลอก)

 

ผลสรุปจากการวิจัยคือ กลุ่มผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการน้อยถึงปานกลางที่ได้รับยา Favipiravir นั้น 

 

มีผลลัพธ์ที่ไม่แตกต่างจากกลุ่มที่ได้ยาหลอก

ผลการศึกษานี้มีความสำคัญต่อเรื่องนโยบายการใช้ยาต้านไวรัสเพื่อรักษาโรคโควิด-19 ของแต่ละประเทศ  

 

และที่สำคัญยิ่งคือ เป็นความรู้ที่จะช่วยให้ประชาชนและผู้ป่วยได้ใช้ในการตัดสินใจประพฤติปฏิบัติ 

 

ตัดสินใจระหว่างการรับบริการดูแลรักษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม