กรมควบคุมโรคชี้พบโรคไอกรน-คอตีบในกลุ่มเด็กเล็กเพิ่มสูง

04 เม.ย. 2566 | 03:49 น.
อัปเดตล่าสุด :04 เม.ย. 2566 | 03:49 น.

กรมควบคุมโรคชี้พบโรคไอกรน-คอตีบในกลุ่มเด็กเล็กเพิ่มสูง เหตุความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนลดลง จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ในบางพื้นที่เด็กอาจยังไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์

จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน พบว่า สถานการณ์โรคไอกรนในปี 2565 ที่ผ่านมา พบผู้ป่วย 19 ราย กลุ่มที่มีอัตราป่วยสูงสุด ได้แก่ 0-4 ปี รองลงมาคือ 45-54 ปี และ 25-34 ปี 

ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 2566 พบผู้ป่วยแล้ว 4 ราย กลุ่มที่มีอัตราป่วยสูงสุด ได้แก่ 0-4 ปี รองลงมาคือ 7-9 ปี และ >65 ปี

สำหรับสถานการณ์โรคคอตีบ ในช่วงปี 2564 – 2566 แม้จะยังไม่มีรายงานผู้ป่วยยืนยันตามระบบเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา แต่จากการตรวจสอบข่าวการเฝ้าระวังเหตุการณ์ในช่วงต้นปี 2566 นี้ พบผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์รายงานสงสัยโรคคอตีบแล้ว 10 เหตุการณ์

อย่างไรก็ดี การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพของสัปดาห์นี้คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสจะพบผู้ป่วยโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนเพิ่มขึ้น เนื่องจากความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนลดลง จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ในบางพื้นที่เด็กอาจยังไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์

สำหรับโรคคอตีบนั้น เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย (C. diphtheria) ติดต่อกันได้โดยง่ายผ่านทางการไอ จาม หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งหรือสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วย นับเป็นโรคติดต่อที่เกิดขึ้นเฉียบพลันและร้ายแรง 

อาการของโรคจะแสดงหลังจากการติดเชื้อประมาณ 2-5 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้สูง หนาวสั่น มีน้ำมูก เจ็บคอ คออักเสบ กลืนอาหารลำบาก รู้สึกเจ็บเวลากลืน คอบุ๋ม หอบ หายใจลำบาก 

กรมควบคุมโรคชี้พบโรคไอกรน-คอตีบในกลุ่มเด็กเล็กเพิ่มสูง หากอาการรุนแรงมากอาจทำให้หายใจไม่ออก จนเป็นอันตรายถึงชีวิต หากตรวจคออาจพบแผ่นฝ้าสีขาวปนเทาขึ้นบริเวณลำคอ ต่อมทอนซิล หรือลิ้นไก่ อาจพบภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเส้นประสาทอักเสบ 

ส่วนโรคไอกรน เป็นโรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย (B. pertussis) ทำให้มีการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจ ติดต่อกันได้ง่ายจากการไอ จาม สัมผัสกับสารคัดหลั่งและเครื่องใช้ของผู้ป่วย ส่วนใหญ่พบการติดเชื้อในเด็ก 

ซึ่งอาการของโรคไอกรนในเด็กอาจรุนแรงมากจนทำให้เสียชีวิตได้ อาการของโรคจะแสดงหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 6-20 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้ต่ำๆ มีน้ำมูก และไอ โดยอาจเป็นต่อเนื่องประมาณ 1 สัปดาห์ 

จากนั้นจะเริ่มแสดงอาการสำคัญของโรคคือ ไอซ้อนๆ ถี่ๆ ติดกัน 5-10 ครั้งหรือมากกว่านั้น จนทำให้ผู้ป่วยหายใจไม่ทัน จึงหยุดไอ และพยายามหายใจเข้าลึกๆ และมีเสียงดังวู๊ป สลับกับการไอเป็นชุด ทั้งนี้อาการที่กล่าวมาอาจเป็นเรื้อรังติดต่อกันนานถึง 2-3 เดือน

วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก นับเป็นวัคซีนพื้นฐานที่เด็กทุกคนจำเป็นต้องได้รับ เนื่องจากโรคเหล่านี้เป็นโรคร้ายแรง โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นกับเด็กเล็ก ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ในประเทศไทยได้กำหนดให้เด็กทุกคนฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ซึ่งช่วยลดจำนวนผู้ป่วยลงได้มาก 

กรมควบคุมโรคจึงขอแนะนำให้ประชาชนนำบุตรหลานไปรับวัคซีนให้ครบตามช่วงเวลาที่กำหนด ตั้งแต่อายุ 2 เดือนขึ้นไป ควรสังเกตอาการของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด หากมีอาการดังกล่าวข้างต้น ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว