ตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลกำลังส่งสัญญาณปรับตัว โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่และห้องชุดใหม่ประจำไตรมาส 3 ปี 2567 พบว่าดัชนีราคาที่อยู่อาศัยปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามต้นทุนการพัฒนาโครงการ
โดยดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายอยู่ที่ 130.7 เพิ่มขึ้น 0.7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แม้จะลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีราคาห้องชุดใหม่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องแตะ 159.2 เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบปีต่อปี และ 1.5% จากไตรมาสก่อนหน้า การปรับราคานี้สะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งจากราคาที่ดิน ค่าแรงขั้นต่ำ และราคาน้ำมัน ซึ่งทำให้ที่อยู่อาศัยใหม่ในปี 2566-2567 มีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย
สำหรับบ้านจัดสรร พบว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ ดัชนีมีค่าเท่ากับ 130.7 เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.8 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 8 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2565 ราคายังปรับเพิ่ม 0.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และ 0.1% จากไตรมาสก่อนหน้า
แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2567 (QoQ) พบว่า ดัชนีราคาบ้านจัดสรรลดลง 0.7% ซึ่งดัชนีลดลงเป็นครั้งแรก โดยบ้านจัดสรรในปริมณฑล 3 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ มีแนวโน้มราคาลดลงมากกว่าบ้านจัดสรรในกรุงเทพฯ
ทั้งนี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.4 เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ส่วนพื้นที่ปริมณฑล 3 จังหวัดหลัก กลับมีการปรับลดราคาลง 0.5% และ 2.2% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
เนื่องจากมีบ้านจัดสรรสร้างเสร็จเหลือขายในครึ่งแรกของปี 2567 จำนวนประมาณ 25,500 หน่วย โดยเฉพาะในกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ระดับราคา 2.01-5.00 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวระดับราคา 5.01-7.5 ล้านบาท ส่งผลให้ผู้พัฒนาโครงการในพื้นที่ดังกล่าวต้องปรับลดราคาขายลงเพื่อกระตุ้นการซื้อ
ในด้านห้องชุดใหม่ พบว่าดัชนีราคายังคงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน มีค่าดัชนีเท่ากับ 159.2 เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) โดยราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายมีการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 3 ไตรมาส และในพื้นที่ 2 จังหวัดปริมณฑล ได้แก่ สมุทรปราการ และ นนทบุรี เพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลมาจากต้นทุนการพัฒนาโครงการเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงยังมีความต้องการห้องชุดอยู่ในบางพื้นที่ ส่งผลให้บางทำเลดัชนีราคาปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยทำเลที่มีราคาห้องชุดใหม่ในกรุงเทพฯ
โดยเฉพาะในโซนกรุงเทพฯ เช่น ห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง ที่ห้องชุดระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท มีการปรับราคาสูงสุด ขณะที่พื้นที่ปริมณฑลอย่างสมุทรปราการและนนทบุรี มีการปรับเพิ่มราคาห้องชุดในระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาท โดยเฉพาะในโซนเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์
อย่างไรก็ตาม REIC รายงานว่า ณ ครึ่งแรกของปี 2567 มีห้องชุดสร้างเสร็จเหลือขายจำนวน 22,557 หน่วย โดยส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดการแข่งขันทางการตลาดสำหรับห้องชุดในกลุ่มนี้เพื่อดึงดูดผู้ซื้อ ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้บริโภคที่ยังมีตัวเลือกที่คุ้มค่าจากสต็อกเหลือขายในราคาต้นทุนเดิม
และจากการติดตามดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้าน ณ ไตรมาส 3 ปี 2567 พบว่า มีค่าเท่ากับ 139.4 โดยต้นทุนก่อสร้างบ้านยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกหมวดงานหลัก โดยเฉพาะงานออกแบบก่อสร้างและงานระบบ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.2% จากไตรมาสก่อนหน้า
ส่วนหมวดวัสดุก่อสร้างโดยภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2% จากไตรมาส 2 ปี 2567 สะท้อนถึงต้นทุนที่สูงขึ้นในส่วนของวัสดุหลัก เช่น เหล็ก ปูนซีเมนต์ และวัสดุงานระบบต่างๆ
ขณะที่ค่าแรงงานซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ซึ่งมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยแนวโน้มดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาบ้านในตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงถัดไป
ธอส. แนะนำว่าไตรมาส 4 ปี 2567 ถือเป็นโอกาสทองของผู้ซื้อบ้าน ด้วยเหตุผลจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง รวมถึงสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำจากธอส. ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยในราคาต้นทุนเดิมก่อนที่ดัชนีราคาจะปรับสูงขึ้นอีกในปี 2568 โดยคาดว่าทั้งบ้านจัดสรรและห้องชุดใหม่จะเผชิญการปรับราคาขึ้นตามแนวโน้มต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น ผู้ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านจัดสรร และห้องชุด ควรตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 นี้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ราคา ที่อยู่อาศัยจะขายในราคาต้นทุนเดิม ขณะเดียวกัน ผู้ที่ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยภายในปีนี้ยังจะได้รับสิทธิ์ตามมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล