นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า อาการเจ็บป่วยที่ควรสงสัยภาวะ "ฮีทสโตรก" (Heatstroke) หรือโรคลมแดด ประกอบด้วย
อย่างไรก็ดี หากพบความผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่ง ควรพาผู้ป่วยออกจากการอยู่กลางแจ้ง และปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วส่งพบแพทย์ทันที
สำหรับวิธีการปฐมพยาบาลเบื้อต้นนั้น สามารถทำได้ดังนี้
แพทย์หญิงวริษฐา เอกเมธีพันธ์ แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฉุกเฉินโรงพยาบาลเลิดสิน กล่าวว่า การป้องกันภาวะ "ฮีทสโตรก" ได้แก่
ทั้งนี้ การเจ็บป่วยฮีทสโตรกเป็นภาวะฉุกเฉินที่เกิดจากความร้อนอย่างหนึ่ง ที่อันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเกิดจากการที่ร่างกายสูญเสียกลไกการปรับระดับอุณหภูมิในร่างกายไป
ส่งผลให้ร่างกายมีอุณภูมิสูงมากเกินไปจนทำให้ระบบอวัยวะภายในร่างกาย เช่น สมอง หัวใจ กล้ามเนื้อ เสียหายและไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ เกิดความดันตก หัวใจวาย ปวดบวมน้ำ ไตวาย และเสียชีวิตได้ในที่สุดหากไม่รับการรักษาอย่างทันท่วงที
นายแพทย์อดิศักดิ์ งามขจรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน กล่าวว่า ระหว่างเดือนมีนาคม ถึง เดือนพฤษภาคม ของทุกปีเป็นช่วงเวลาที่มีรายงานอากาศร้อนที่สุด เป็นปัจจัยทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด "ฮีทสโตรก"
นอกจากนี้ยังพบรายงานปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ นักกีฬา ทหารเกณฑ์ หรือผู้ที่ทำงานในสภาพอากาศที่มีความร้อนชื้น ภาวะฮีทสโตนกอาจเกิดจากยาบางชนิด เช่น ยากันชัก ยาเสพติด และยารักษาโรคทางจิตเวช
"ประเทศไทย มีรายงานมีผู้เสียชีวิตจากภาวะอากาศร้อนระหว่างเดือนมีนาคม ถึง พฤษภาคมของปี 2558-2562 โดยเฉลี่ยในแต่ละปี ถึง 43 ราย นอกจากนี้รายงานจากต่างประเทศ ทั้งในสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น ก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน เนื่องด้วยสภาวะโลกร้อนที่ทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น จึงส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และความรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน"