จากข้อมูลองค์การสหประชาชาติ หรือ UN ที่ระบุว่า ปี 2563 ทั่วโลกมีประชากรผู้สูงอายุเกิน 60 ปี เฉลี่ย 13.5% หรือมีจำนวนประมาณ 1,049 ล้านคน และจะเพิ่มเป็น 21% หรือ 2,100 ล้านคนในปี 2593 ขณะที่ประเทศไทยเอง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้ข้อมูลว่า
ในปี 2564 ประชากรไทยที่มีอายุเกิน 60 ปี มีจำนวน 13 ล้านคน หรือประมาณ 20% ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก และประเมินว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือ ปี 2575 ไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสูงสุด (super-aged society) คือ มีผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี สูงถึง 28% ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ดีมานด์ของวัยเกษียณที่เพิ่มสูงขึ้น จำเป็นต้องมีซัพพลายรองรับ และไทยก็เป็นหนึ่งในซัพพลายที่มีศักยภาพ และเป็นเป้าหมายของผู้สูงวัยทั่วโลก จากความพร้อมรอบด้าน
นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานที่ปรึกษา โรงพยาบาล ธนบุรี บำรุงเมือง เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากตัวเลขผู้สูงอายุที่อยู่ในวัยเกษียณทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้ผู้สูงอายุเหล่านี้ต้องการที่พักหลังเกษียณอายุ โดยเฉพาะชาวยุโรป จีน และญี่ปุ่น ซึ่งคนเหล่านี้มีกำลังซื้อสูง และพร้อมที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบ ขอเพียงมีผู้ดูแล ขณะที่ไทยมีความพร้อมรอบด้าน ทั้งสถานที่ การแพทย์ และบุคคลากร
“วันนี้ต้องยอมรับว่าทั่วโลกมีผู้ที่อยู่ในวัยเกษียณเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นยุโรป จีน หรือญี่ปุ่น ขณะเดียวกันภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ดูแลสูงตามไปด้วย และปัญหาสำคัญที่พบคือ การขาดแคลนบุคลากร ที่ดูแลผู้สูงวัย ซึ่งประเทศไทยสามารถตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ได้”
โดยปัจจุบันโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมืองและบริษัทในเครือเองมีความพร้อมในการลงทุนพัฒนาโครงการเพื่อผู้สูงวัยแบบครบวงจร รวมทั้งมีแผนขยายธุรกิจให้บริการด้าน Wellness เเละ Senior Care จากปัจจุบันที่มีทั้ง จิณณ์ เวลล์ บีอิ้ง รังสิต มี “รพ.ธนบุรีบูรณา” (THbu) และ “จิณณ์ เวลเนส” ให้บริการรักษาพยาบาลเฉพาะทางสำหรับผู้สูงอายุ และ “ธนบุรี เฮลท์ วิลเลจ” (THV) ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยพักฟื้น พร้อมที่พักมาตรฐานโรงพยาบาล เเละมีแผนขยายโครงการ Wellness-Senior Care ที่พัทยา เชียงใหม่ เเละหัวหิน
“รพ.มีความพร้อมในการรองรับผู้สูงวัยเต็มที่ จากศูนย์การเเพทย์เป็นเลิศเฉพาะทาง เเละธุรกิจ Wellness-Senior Care สนองความต้องการของสังคมสูงวัยทั้งในประเทศไทย เเละต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท ซันเดย์ อินส์ จำกัด ผู้ให้บริการเทคโนโลยีอินชัวร์เทคสัญชาติไทย
ในการศึกษาพัฒนางานบริการรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้เกษียณอายุให้สามารถเข้าถึงสิทธิ์การรักษาพยาบาลแบบครบวงจรในประเทศไทยได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างวางแผนดำเนินงานร่วมกัน คาดว่าจะสามารถจัดทำแพ็กเกจเพื่อให้บริการกับวัยเกษียณชาวต่างชาติได้ ซึ่งจะทำให้มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาใช้บริการได้จำนวนมาก”
อย่างไรก็ดีจากการศึกษาข้อมูลและความต้องการของวัยเกษียณต่างชาติพบว่า ผู้สูงวัยเหล่านี้มีความสนใจและต้องการเข้ามาพักในประเทศไทย แต่ยังขาดความมั่นใจ ดังนั้นหากมีการจัดทำประกันสุขภาพให้ก็พร้อมที่จะจ่ายและเข้ามาใช้ชีวิตในระยะยาว ซึ่งหลังจากที่ศึกษามานาน 2 ปีที่สุดโรงพยาบาลได้บรรลุข้อตกลงร่วมกับซันเดย์ อินส์ ในการการศึกษาพัฒนางานบริการรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้เกษียณอายุในครั้งนี้
“ปัจจุบันสเปน โปรตุเกส มีประชากรสูงวัยมากกว่า 30 ล้านคน ซึ่งวัยเกษียณเหล่านี้ พร้อมออกเดินทางไปใช้ชีวิตในบั้นปลายในประเทศที่พร้อมจะดูแล ซึ่งการเลือกมาประเทศไทย นอกจากจะมีความพร้อมด้านสถานที่ ความชำนาญ และบุคลากรในการดูแลแล้ว ค่าใช้จ่ายยังต่ำกว่า 2-3 เท่า เช่น ในไทยจะเสียค่าใช้จ่ายราว 2-3 หมื่นบาทต่อเดือน ขณะที่ในโปรตุเกสจะเสียค่าใช้จ่ายราว 5-8 หมื่นบาทต่อเดือน”
เบื้องต้นโรงพยาบาลเตรียมจัดทำแพ็กเกจนำเสนอต่อตัวแทน (เอเย่นต์) ในต่างประเทศ เพื่อเปิดให้ข้อมูลกับผู้สนใจซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายวัยเกษียณในประเทศต่างๆ รวมถึงนำเสนอผ่านสถานทูตที่สนใจจะจัดหาข้อมูลให้กับประชากรสูงวัยในประเทศนั้นๆ และในอนาคตโรงพยาบาลเตรียมจัดทำข้อมูลนำเสนอผ่านเว็บไซต์เพื่อเปิดให้ผู้สนใจเข้ามาศึกษาด้วย
โดยล่าสุดพบว่ามีผู้สนใจเข้ามาศึกษาข้อมูลแล้วกว่า 2 แสนราย ซึ่งหากในอนาคตภาครัฐให้การส่งเสริมและสนับสนุนจะเป็นแรงผลักดันให้วัยเกษียณเหล่านี้เชื่อมั่นและเลือกเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองไทย เป็นจำนวนหลักล้านคน และสร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาลและมีโอกาสแซงหน้าการท่องเที่ยว เพราะเป็นการใช้ชีวิตระยะยาว รวมทั้งต้องใช้จ่ายเป็นตัวเลขสูง
นายแพทย์บุญ ยังกล่าวอีกว่า เป้าหมายของเราคือ วัยเกษียณในระดับมิดเดิล-โลว์ ซึ่งกลุ่มนี้หากระบบประกันสุขภาพอยู่ในระดับหลัก 1-2.5 หมื่นบาทต่อเดือน ก็พร้อมจะจ่ายและสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตอยู่ในไทยได้ ซึ่งหากเจ็บป่วยหนักเขาก็พร้อมเดินทางกลับประเทศทันที นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้เกษียณอายุที่ทำงานในต่างประเทศและต้องการเดินทางกลับมายังเมืองไทย ก็เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญเช่นกัน
อย่างไรก็ดี โรงพยาบาลมีความพร้อมเต็มที่ปัจจุบันสามารถรองรับผู้สูงวัยได้กว่า 3 หมื่นเตียง ซึ่งในอนาคตหากวัยเกษียณต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย จะไม่เพียงพอกับความต้องการ ผนวกกับความต้องการของผู้สูงวัยไทย ที่หันมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง ทำให้โรงพยาบาลมีแผนขยายโครงการเพื่อผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นอีก จากปัจจุบันที่มีโครงการสำหรับผู้สูงอายุ 4 โครงการใหญ่
และในปีหน้าจะขยายเพิ่ม 3-4 โครงการรวมทั้งหมด 8 โครงการ ล่าสุดยังลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาทในการพัฒนาโครงการ La Torre Medical Wellness Center พระราม 3 บนเนื้อที่ 5 ไร่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามบางกระเจ้า ซึ่งเป็นที่ดินเช่าของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ระยะเวลา 60 ปี เพื่อให้บริการดูแลสุขภาพองค์รวมในรูปแบบ Luxury Service ระดับ 6 ดาว ประกอบด้วย ส่วนอาคารที่พักอาศัย 56 ชั้น 376 ยูนิต, Medical Wellness Center, Fitness, ร้านอาหารดัง, ภัตตาคารบนชั้นรูฟท็อป และลานจอดเฮลิคอปเตอร์ด้วย
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,887 วันที่ 14 - 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2566