จากกรณีที่ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญแต่โควิด-19 ตระกูลโอมิครอนยังมีการกลายพันธุ์แพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องซึ่งที่เด่นชัดมี 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
โอมิครอน XBB.1.5
โอมิครอน XBB.1.16
โอมิครอน XBB.1.9.1
โดยกลุ่มโอมิครอน XBB.1.5* มีการลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง ประเมินว่าจะถูกแทนที่โดย กลุ่ม XBB.1.16* และ XBB.1.9.1* ที่พบระบาดมากที่สุดในอินเดีย และมีการกระจายไปทั่วโลก ส่วนในอาเซียนพบในสิงคโปร์และไทย
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี ระบุว่า จากการติดตามการกลายพันธุ์ในระดับจีโนมของไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกจากการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของไวรัสโควิด-19
โดยการเก็บตัวอย่างจากผู้ติดเชื้อในประเทศและข้อมูลรหัสพันธุกรรมจากฐานข้อมูลโควิดโลก "จีเสส (GISAID)" ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา (15 เม.ย. -15 พ.ค. 2566) พบโอมิครอนสายพันธุ์หลักในประเทศไทยเป็นกลุ่ม XBB* ประมาณ 93.5% ประกอบด้วย
สำหรับสายพันธุ์ย่อยอันดับหนึ่งกลุ่ม XBB.1.16* หรือ อาร์คทูรัส (Arcturus) พบการกลายพันธุ์ระบาดไปทั่วโลกถึง 3 รุ่นคือ
รุ่นแรก
รุ่นลูก
รุ่นหลาน
สายพันธุ์ย่อยอันดับสาม คือ กลุ่ม XBB.1.9.1* หรือไฮเปอเรี่ยน (Hyperion) พบการกลายพันธุ์ระบาดไปทั่วโลกถึง 3 รุ่นคือ รุ่นแรก รุ่นลูก และรุ่นหลานเช่นกัน
ใช้ชื่อเรียกเป็นอักษรย่อ "FL" ตามด้วยตัวเลขทศนิยม ยังไม่มีการตั้งชื่อนามแฝง
สายพันธุ์ย่อยในกลุ่มโอมิครอน XBB.1.16* โดยเฉพาะ FU.1 (XBB.1.16.1.1) ถือได้ว่าเป็น "รุ่นหลาน" ของ XBB.1.16 พบการระบาดมากในนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกได้ประสานความร่วมมือให้ช่วยกันเฝ้าติดตามเนื่องจากมีค่าความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) สูงกว่า XBB.1.16 ถึง 50%
ในขณะที่กลุ่มโอมิครอน XBB.1.16* "รุ่นลูก" คือ "XBB.1.16.1" พบการแพร่ระบาดในสวีเดน โดยมีโอมิครอนกลุ่ม "XBB.1.9.1" และรุ่นลูกและรุ่นหลาน "FL*" กลายพันธุ์แพร่ระบาดตามมาติดๆ คาดว่าอาจเข้ามาแทนที่กลุ่ม XBB.1.16* ในอนาคต