พอมาถึงจุดนี้ ท่านผู้อ่านหลายท่านคงอดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดพื้นที่กรุงเทพมหานครยังจำเป็นต้องมีสถานพยาบาลโดยเฉพาะโรงพยาบาลเพิ่มเติมอีก หากในมุมมองของเอกชนนั้น การเพิ่มจำนวนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับรูปแบบการให้บริการมากกว่า เพราะการจัดตั้งโรงพยาบาลรัฐขนาด 120 เตียงขึ้นไป ทั้ง 50 เขตของกรุงเทพฯ จะต้องใช้งบประมาณมหาศาล
รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากเช่นเดียวกัน ซึ่งขณะนี้เองสถานพยาบาลของรัฐก็ยังประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์อยู่ นอกจากการเพิ่มสถานพยาบาลประเภทโรงพยาบาลแล้ว สิ่งที่ต้องพิจารณาควบคู่กันไป คืออัตรากำลังบุคลากรทางการแพทย์ที่จะต้องหามาเติมให้พอโดยเร็ว
ในขณะเดียวกัน ก็มีการบริการสาธารณสุขอีกโมเดลที่ภาคเอกชนร่วมดูแลอยู่ คือรูปแบบการดูแลรักษาผ่าน Primary Care (การแพทย์ปฐมภูมิ) ซึ่งเป็นกลไกความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการขยายบริการคลินิกชุมชน ผ่านการดูแลสนับสนุนงบประมาณจาก สปสช. และเป็นโมเดลที่ถูกขับเคลื่อนมาตั้งแต่อดีต ที่พิสูจน์มาแล้วว่าสามารถร่วมดูแลประชากรกลุ่มใหญ่ได้ โดยคลินิกนี้ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการคัดกรองผู้ป่วยเพื่อส่งต่อไปยังระบบทุติยภูมิ (Secondary care) หรือโรงพยาบาล เป็นต้น
ซึ่งโดยหลักการนี้ สามารถช่วยบรรเทาปัญหาความแออัดของโรงพยาบาลรัฐได้ ขณะที่รูปแบบและกลไกการดูแลรวมถึงการให้บริการ ยังคงต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การบริการมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และจากการพูดคุยหารือกับเอกชนที่เข้าร่วมในระบบดังกล่าว ล้วนยังรอความหวังจากรัฐบาลใหม่ที่จะมาช่วยพัฒนาระบบที่ทำให้เอกชนสามารถร่วมงานกับภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
และผมเชื่อว่า ยังมีกลไกการขับเคลื่อนด้านสาธารณสุขอีกหลายมิติในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเฉพาะในพื้นที่แออัดยากแก่การเข้าถึงด้วยข้อจำกัดด้านสถานะเศรษฐกิจและสังคม ที่แม้จะมีโรงพยาบาลรัฐและเอกชนอยู่จำนวนมากแล้วก็ตาม แต่การเข้าถึงบริการสาธารณสุขในกลุ่มคนโดยเฉพาะผู้เปราะบางหรือในพื้นที่แออัด ยังมีความต้องการอีกมาก
ท้ายสุดนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลายนโยบายที่กำลังคลอดออกมา จะนำไปสู่การแก้ปัญหาระบบสาธารณสุขในทุกระดับอย่างแท้จริง และเชื่อว่าระบบการร่วมดูแลระหว่างภาครัฐกับเอกชน จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการลดภาระด้านงบประมาณสาธารณสุขควบคู่กับการสร้างความเติบโตให้กับชุมชนไปพร้อมกัน
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,930 วันที่ 12 - 14 ตุลาคม พ.ศ. 2566