ออฟฟิศซินโดรม โรคยอดฮิตสำหรับคนทำงานออฟฟิศที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากเนื่องจากต้องนั่งทำงานเป็นเวลาติดต่อกันหลายชั่วโมง หรือนั่งทำงานท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ ปัจจุบันมีแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเป็นผู้ที่อยู่ในช่วงวัยทำงานถึงร้อยละ 60%
ส่วนใหญ่มักมีอาการปวดคอ หลังและไหล่ จากการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะคนที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ และกลุ่มคนไอทีทั้งหลายที่ต้องทำงานอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งวันทำให้เกิดความทุกข์ทรมานในการใช้ชีวิตประจำวัน บางท่าทางจะทำให้เกิดการโค้งงอผิดรูปของกระดูก ขณะที่บางท่าทางก็ทำให้เกิดอาการตึง ยึด จนเกิดอาการปวด
ข้อมูลจากสถาบันราชประชาสมาสัย กรมควบคุมโรค อธิบายว่า โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นกับคนวัยทำงานในออฟฟิศ เนื่องจากพฤติกรรมของคนทำงานส่วนใหญ่ต้องนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน โดยไม่ได้เปลี่ยนอริยาบท ส่งผลให้กล้ามเนื้อตึงและอักเสบได้
1.การนั่งทำงานท่าเดิมซ้ำ ๆ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานมากกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน
2.ท่าทางการทำงานไม่เหมาะสม หลังค่อม ก้มหรือเงยคอมากเกินไป
3.สภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ในการทำงานไม่เหมาะสม
4.สภาวะเครียดจากการทำงาน
5.การพักผ่อนไม่เพียงพอ
"ปรับ" : ปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม
"เปลี่ยน" : เปลี่ยนพฤติกรรมและท่าทางการทำงานให้ถูกต้อง
"ประจำ" : ออกกำลังกายเป็นประจำ
ท่าที่ 1
ท่ายืดกล้ามเนื้อคอ (Neck Stretch) ช่วยยืดกล้ามเนื้อคอ ทำให้กล้ามเนื้อไหล่ได้ผ่อนคลาย เหมาะกับผู้ที่ต้องจ้องคอมเป็นเวลานานๆ จนทำให้เกิดอาการปวดต้นคอ
ท่าที่ 2
ท่ายืดกล้ามเนื้อสะบักหลัง (หลังบน) ช่วยคลายอาการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อบริเวณสะบักหลัง
ท่าที่ 3
ท่าขาเลข 4 ช่วยลดอาการปวดหลัง เมื่อยก้น ปวดเข่า ต้นขาตึงเหมาะกับผู้ที่ต้องนั่งนานๆ และผู้ที่มีอาการปวดหลังร้าวลงขา
ท่าที่ 4
ท่ายืดกล้ามเนื้อไทรเซ็ปส์ (Triceps Stretch) ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อช่วงคอ หัวไหล่ แขน และหลังส่วนบนไปได้พร้อมกัน
ท่าที่ 5
ท่ายืดกล้ามเนื้อแขน (Stretching Arm) ช่วยเสริมสร้างให้กล้ามเนื้อแขนแข็งแรง ซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อมือทำงานได้ดียิ่งขึ้น
ข้อมูล โรงพยาบาลศิครินทร์, สถาบันราชประชาสมาสัย กรมควบคุมโรค