บอร์ดบุหรี่ไฟฟ้า ชง 8 แนวทางสกัด "สิงห์อมควัน" รุ่นเยาว์

01 มี.ค. 2567 | 09:15 น.
อัปเดตล่าสุด :01 มี.ค. 2567 | 09:19 น.

บอร์ดบุหรี่ไฟฟ้า ร่วมพิจารณาข้อเสนอ-มาตรการปกป้องเด็กและเยาวชนจาก "บุหรี่ไฟฟ้า" ชงแนวทางสร้างความรู้เท่าทันพิษภัยและการตลาด พร้อมวางเครือข่ายเฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมายจริงจัง

ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนานโยบายสาธารณะประเด็นการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าครั้งที่ 2/2567 ที่มี ผศ.ดร.ลักขณา เติมศิริกุลชัย เป็นประธาน ได้ร่วมกันพิจารณาพร้อมให้ข้อเสนอแนะต่อข้อเสนอเชิงนโยบายในประเด็น "การปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า" เตรียมเข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นในช่วงเดือน มี.ค.2567

ก่อนที่นำไปสู่การแสวงหาฉันทมติร่วมกันบนเวทีสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือน เม.ย. 2567 เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เกิดการนำไปปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมต่อไป

สำหรับสาระสำคัญของข้อเสนอเชิงนโยบายดังกล่าวนี้จะมุ่งเน้นการปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนจากภยันตรายและการเสพติดของบุหรี่ไฟฟ้าภายใต้มาตรการที่สำคัญ

1.บูรณาการการเรียนการสอนรู้เท่าทันพิษภัยและการตลาดของบุหรี่ไฟฟ้าในหน่วยงานด้านการศึกษาทุกระดับ สร้างค่านิยมคนรุ่นใหม่ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า 

2.เผยแพร่ข้อมูลภยันตรายผ่านสื่อทุกแขนง และร่วมกันเฝ้าระวังการตลาดบุหรี่ไฟฟ้า 

3.เฝ้าระวังไม่ให้มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าผ่านสื่อทุกประเภท 

ผศ.ดร.ลักขณา เติมศิริกุลชัย

4.ให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ทั้งการขายตามสถานที่ตั้งและที่จำหน่ายในระบบออนไลน์ 

5.เสนอให้รัฐบาลคงไว้ซึ่งนโยบายห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า และลงนามในพิธีสารว่าด้วยการขจัดการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบผิดกฎหมาย เพื่อยกระดับความพร้อมในการควบคุม

บอร์ดบุหรี่ไฟฟ้า ชง 8 แนวทางสกัด \"สิงห์อมควัน\" รุ่นเยาว์

6.รัฐสภาและรัฐบาลควรป้องกันการแทรกแซงนโยบายของบริษัทบุหรี่และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 

7.ควบคุม ปราบปราม ดำเนินการทางกฎหมายต่อร้านค้าบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งจัดทำแนวทางปฏิบัติให้กับผู้ให้บริการธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ ธุรกิจขนส่ง 

8.เสนอให้ภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคม ชุมชน ท้องถิ่น สื่อสารให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญ และร่วมกันเฝ้าระวังเด็กและเยาวชนในระดับพื้นที่

ดร.วศิน พิพัฒนฉัตร กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการพัฒนานโยบายฯ

ดร.วศิน พิพัฒนฉัตร กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการพัฒนานโยบายฯ กล่าวว่า สาระสำคัญของข้อเสนอเชิงนโยบายเหล่านี้ เป็นประเด็นที่ถูกรวบรวมมาจากการแลกเปลี่ยนความเห็นร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งทางคณะกรรมการพัฒนานโยบายฯ

ได้จัดให้มีการแลกเปลี่ยนไปแล้วหลายเวทีในช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของตัวแทนจากธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์และการขนส่งสินค้าหรือหน่วยงานที่มีบทบาทในด้านการสื่อสารและการบังคับใช้กฎหมาย ฯลฯ

ดร.วศิน กล่าวว่า จากการแลกเปลี่ยนในแต่ละเวที ได้ทำให้พบเห็นถึงมุมมองและประเด็นปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า อาทิ วิธีจัดการกับพัสดุผิดกฎหมายของบริษัทขนส่งที่มีความแตกต่างกัน

การสั่งปิดเว็บไซต์ขายบุหรี่ไฟฟ้าที่ต้องมีกระบวนการทางศาลประเด็นการตีความถึงความร้ายแรงของบุหรี่ไฟฟ้าที่จะนำไปสู่การจัดการอย่างเหมาะสม หรือแนวปฏิบัติที่ยังไม่มีความชัดเจนในการจัดการกับบุหรี่ไฟฟ้าที่ยึดมาได้จากเด็กนักเรียนและเยาวชน เป็นต้น

นายสมเกียรติ พิทักษ์กมลพร ผู้อํานวยการสำนักพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะระดับชาติ

ขณะที่นายสมเกียรติ พิทักษ์กมลพร ผู้อํานวยการสำนักพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะระดับชาติ (สช.) กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับภาคส่วนต่างๆ หลายองค์กรได้มาร่วมสะท้อนถึงมุมมองของแต่ละหน่วยงาน เช่น กระทรวงพาณิชย์ มีกฎหมายแต่ไม่มีอำนาจจับ, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะเน้นไปที่คดีร้ายแรง ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยมีการทำในเคสบุหรี่ไฟฟ้า เป็นต้น

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ประเด็นปัญหาและข้อเสนอที่ภาคีเครือข่ายและหน่วยงานต่าง ๆ ให้ความเห็นมานั้น ทางคณะกรรมการพัฒนานโยบายฯ จะนำไปเป็นส่วนประกอบในการร่างเนื้อหาข้อเสนอเชิงนโยบาย ที่จะมีการนำไปจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น

ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาให้ฉันทมติผ่านกระบวนการ "สมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น" ซึ่งจะได้ออกมาเป็นมติที่เข้าสู่การพิจารณาให้ความเห็นชอบโดย คสช. และจะนำไปเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อรับทราบเป็นนโยบายที่จะไปมีผลผูกพันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ศ.เกียรติคุณ นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ

ด้าน ศ.เกียรติคุณ นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ที่ปรึกษาคณะกรรมการพัฒนานโยบายฯ กล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเผยแพร่งานวิจัยของสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ทบทวนงานวิจัยกว่า 107 ชิ้น ถึงผลกระทบต่อสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งพบว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีความอันตรายไม่น้อยไปกว่าบุหรี่มวน

ขณะเดียวกันในแคนาดาพบว่า จำนวนผู้ที่เสพติดบุหรี่ไฟฟ้า จำนวนมากถึง 40% เป็นนักสูบหน้าใหม่ที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้ามีความร้ายแรงกว่าบุหรี่มวน ดังที่เราได้เห็นการระบาดในกลุ่มเด็กและเยาวชนมากมาย

หลายหน่วยงานอาจมองข้ามปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า เพราะมองว่ายังมีงานอื่นที่เร่งด่วนกว่า และไม่รู้ว่าต้องจัดการถึงเมื่อไรปัญหาจึงจะจบ แต่บทเรียนจากประเทศอื่นที่มีการจัดการกับบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งหากสามารถทำงานได้อย่างเกาะติดต่อเนื่อง มีการวางระบบควบคุมการเฝ้าระวังและปราบปรามได้ดี

หลังจากนั้นการทำงานก็จะเบาลงเพราะการฝ่าฝืนกฎหมายจะน้อยลงเมื่อเขารู้ว่าภาครัฐเอาจริง ฉะนั้นส่วนหนึ่งจึงขึ้นอยู่กับผู้บริหารระดับนโยบายที่จะต้องมีความเอาจริงเอาจังด้วย" ศ.นพ.ประกิต ระบุ