นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ผู้นำธุรกิจดูแลสุขภาพอย่างครบวงจรและบริการที่มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ภายใต้แนวคิด “ดูแลคุณในทุกช่วงชีวิต” (Lifetime Health Guardian For All) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจ รพ.เอกชน ต่อจากนี้จะเติบโตในลักษณะของเชนมากกว่าเติบโตเดี่ยวเพียงลำพัง
โดยต้องมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพบริการให้เทียบเท่าระดับสากลเพื่อดึงดูดกลุ่มคนไข้ต่างชาติสอดรับตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งสู่ medical hub ของภูมิภาค ขณะเดียวกันก็ต้องหาวิธีขยายตลาดใหม่ๆ นอกเหนือการรักษาโรคแบบเดิมใน รพ. ซึ่งครอบคลุมถึงเรื่อง wellness ที่กำลังเติบโต และการดูแลผู้สูงอายุที่สอดคล้องบริบทของประเทศไทย
ดังเห็นได้ว่าเทรนด์ลงทุนของ รพ.เอกชนไทยปัจจุบันตั้งอยู่บน 4 ทิศทาง คือ 1.ลงทุนรองรับผู้ป่วยต่างชาติ 2.ลงทุนเพื่อรองรับสังคมสูงวัย 3.ลงทุนศูนย์แพทย์เพื่อรักษาโรคยากและโรคเฉพาะทาง และ 4.ลงทุนด้านเวชศาสตร์ป้องกัน
สำหรับ THG วางแผนกลยุทธ์เพื่อพัฒนาผลลัพธ์ 3 ด้านที่ส่งผลต่อการเติบโตยั่งยืนระยะยาว ได้แก่ ด้านแรก “การสร้างรายได้เพิ่ม” ผ่าน 4 รูปแบบหลัก 1.จับมือ รพ.เครือข่ายและพันธมิตร ยกระดับขยายบริการทีมแพทย์เฉพาะทางถึงระดับตติยภูมิ 2.มองหาโอกาสขยายธุรกิจเฮลท์แคร์ นอก รพ. ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด อาทิ การเปิด Jin Wellness by THG ที่สยามพารากอน และเตรียมเปิดคลินิกเอาท์เล็ทเพิ่มอีก 2 แห่งในภาคใต้
3.เปิดศูนย์แพทย์เฉพาะทางด้านการรักษาโรคมะเร็งใน รพ.ส่วนภูมิภาค เบื้องต้นตั้งเป้า 3 แห่ง ได้แก่ รพ.สิริเวช จันทบุรี เตรียมเปิดปลายปี 2567 ขณะที่ รพ.ธนบุรี ตรัง และ รพ.อุบลรักษ์ อุบลราชธานี คาดเปิดได้ภายในปี 2568 และ 4.ขยายการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มเติม โดยในเมียนมา วางแผนขยายจำนวนห้องตรวจและเตียงใน รพ. Aryu International ทั้งอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในเมืองอื่นเพิ่มเติม ส่วน เวียดนาม เตรียมเปิด BeWell Health and Wellness Clinic สาขาแรก ณ นครโฮจิมินห์ ช่วงต้นไตรมาส 3 ปีนี้
ด้านที่สอง “การพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม” เป็นโมเดลที่ THG ต้องการเข้าไปบริการสังคมและชุมชนให้เกิดความยั่งยืน โดยมี บริษัท ธนบุรี เสริมรัฐ จำกัด เป็นหัวหอกในการร่วมมือกับหน่วยงานรัฐแก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากร และการจัดการ เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีประสิทธิภาพแก่ประชาชน ปัจจุบันรับผิดชอบดูแลบริหาร รพ.สต.อบจ.ภูเก็ต และบริหารศูนย์หัวใจ จำนวน 4 แห่ง
ได้แก่ รพ.ธนบุรี ทวีวัฒนา, ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน, รพ.พัทลุง และ รพ.ค่ายวชิราวุธ นครศรีธรรมราช ทั้งร่วมมือกับบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เปิดให้บริการคลินิกธนบุรี เสริมรัฐแห่งแรกในภูเก็ต ภายใต้ชื่อ “คลินิกหัวเช้า” เพื่อดูแลผู้ป่วย พรบ.อุบัติเหตุในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพิ่มการเข้าถึงการรักษาของประชาชนทุกสิทธิ
นอกจากนี้ THG กำหนดเป้าหมายระยะยาว “มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมสุขภาพของภูมิภาคอาเซียน ภายในปี 2593” ภายใต้ 3 หลักการ 1.Trusted Brand เพื่อส่งมอบคุณภาพการรักษาและการให้บริการระดับนานาชาติ 2.Human Centric สร้างสังคมแห่งการทำงานสร้างสุขและสังคมที่ยั่งยืน
3.Greener Business, Greater Environment ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงานและลดปริมาณขยะที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งที่เกิดขึ้นมากในธุรกิจสุขภาพ พร้อมตั้งเป้าหมายเป็นองค์กร Net Zero ภายในปี 2573 โดยนำร่อง รพ.ธนบุรี ทวีวัฒนา เป็นแห่งแรก ซึ่งปัจจุบัน รพ.ธนบุรี ทวีวัฒนา ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้านที่สาม “การพัฒนาศักยภาพคนรุ่นใหม่” เพื่อยกระดับบริการทางการแพทย์ของทุกโรงพยาบาลในเครือทั่วประเทศให้อยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน ผ่านโครงการ “THG 7 Standards” ที่เป็นการนำบุคลากรรุ่นใหม่หลากสาขา จากทุกโรงพยาบาลในเครือมาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ร่วมกันเพื่อเสริมจุดแข็ง 7 ด้าน
อาทิ คุณภาพทางการแพทย์ การบริหารทรัพยากรบุคคล การสร้างภาวะผู้นำ การประยุกต์ใช้ดิจิทัล การสร้างแบรนด์และการตลาด ฯลฯ ที่จะสนับสนุนให้ทุกโรงพยาบาลทำงานเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายที่แข็งแกร่ง เกิดการคิดค้นพัฒนาโครงการ หรือ นวัตกรรมบริการรูปแบบใหม่ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรและทุกภาคส่วน
“แผนกลยุทธ์ที่วางไว้ คาดจะช่วยสร้างการเติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปี 2566 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 9,844 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ทำได้ 393 ล้านบาท ทั้งตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3-5 ปีต่อจากนี้ THG จะสามารถเพิ่มศักยภาพกลุ่ม รพ.secondary care สู่ super secondary care ได้มากขึ้น”