หวานแต่ไม่อ้วน สารทดแทนน้ำตาล ทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพ

09 ก.ค. 2567 | 05:25 น.
อัพเดตล่าสุด :09 ก.ค. 2567 | 05:27 น.

รพ.ราชวิถี กรมการแพทย์ ชี้ สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลเป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภคพร้อมเปิดความจริงเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพของสารทดแทนความหวานชนิดต่างๆ

สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล ในปัจจุบันมีมากหมายหลายชนิดแต่ละเลือกใช้อย่างไรเพื่อให้เหมาะสมกับสุขภาพของเรา วันนี้ (9 กรกฎาคม 2567) นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ให้คำอธิบายในเรื่องนี้ว่า สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล มีหลายชนิดซึ่งอาจจะมีแบบให้พลังงานหรือแบบไม่ให้พลังงาน ซึ่งเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ และลดน้ำหนัก

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ออกมาค่อนข้างหลากหลาย ทั้งอาหาร เครื่องดื่มแต่ไม่ใช่ทุกชนิดที่สามารถรับประทานได้โดยไม่จำกัดปริมาณ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ดังนั้น ก่อนที่จะใช้สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลควรศึกษาให้ละเอียด ดูข้อมูลบนฉลากสินค้าก่อนใช้หรือบริโภค

หากเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภค การเลือกใช้สารทดแทนความหวานที่เหมาะสมและรับประทานในปริมาณที่จำกัดจะได้ประโยชน์สูงสุดโดยที่ไม่ส่งผลต่อสุขภาพ

ด้านนายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวต่อว่า สารให้ความหวาน คือ สารที่ให้รสสัมผัสที่หวาน สามารถนำไปใช้เป็นองค์ประกอบในการประกอบอาหารและผสมเครื่องดื่ม โดยสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลมี 2 แบบ 

แบบที่ 1 : สารให้ความหวานที่ให้พลังงาน 

1.สารให้ความหวานชนิดกลุ่มของน้ำตาล เช่น กลูโคส, ซูโคส, ฟรุกโตส ส่วนใหญ่อยู่ในนม น้ำตาลทราย ผลไม้ 

2.สารให้ความหวานที่เป็นแอลกอฮอล์ของน้ำตาล ให้พลังงานต่ำ อัตราการดูดซึม และอัตราย่อยสลายน้อยกว่ากลุ่มของน้ำตาล เช่น

  • ไซลิทอล พบได้ใน พืช ผัก ผลไม้ตามธรรมชาติ
  • ซอร์บิทอล สกัดได้จากอ้อย และมันสำปะหลัง 

แบบที่ 2 : สารให้ความหวานที่ไม่ให้พลังงาน

1.สารให้ความหวานที่สังเคราะห์ เช่น แอสปาร์แตม ไม่มีกลิ่น รสชาติใกล้เคียงกับน้ำตาลทรายมากที่สุด 

2. สารให้ความหวานที่มาจากธรรมชาติ โดยส่วนใหญ่จะมีหลัก ๆ 2 ชนิด คือ

  • หญ้าหวานกับสารสกัดจากหล่อฮังก้วย หรือ
  • สารสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งไม่มีแคลอรี่

นายแพทย์พัทธวุฒิ จันทูปมา หัวหน้าหน่วยเวชบำบัดวิกฤตศัลยกรรม กลุ่มงานศัลยศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยกล้าที่จะรับประทานสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล เนื่องจากกลัวผลเสียของสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล

เรื่องที่มักจะถูกเข้าใจผิดเกี่ยวกับสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล

1.เรื่องของโรคมะเร็ง

เป็นความเชื่อมายาวนานว่า ในกลุ่มของขัณฑสกรจะทำให้เกิดโรคมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่จริงเพราะงานวิจัยที่ออกมาถ้าจะทำให้เกิดโรคมะเร็งได้จะต้องใช้ในปริมาณที่ค่อนข้างมาก เช่น ปริมาณที่เป็นพิษต่อร่างกาย 

2.ทำให้เกิดโรคเบาหวาน

ไม่เป็นความจริง เพราะมีงานวิจัยออกมาว่า สามารถที่จะใช้ในการลดน้ำหนัก และใช้ลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือดได้เมื่อเทียบกับการใช้น้ำตาลทรายปกติ 

3.การทำให้แบคทีเรียชนิดดีทำงานได้ไม่เต็มที่หรือตายไป

เป็นเรื่องที่ไม่จริง ถ้าจะทำลายได้ต้องใช้ในปริมาณมากซึ่งโดยปกติแล้วคนเราจะไม่สามารถรับประทานได้มากขนาดนั้น อีกทั้งบางชนิดอาจจะทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติกส์หรือเป็นอาหารของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ทำให้แบคทีเรียชนิดดีในลำไส้เพิ่มจำนวนมากขึ้นได้ด้วย

สิ่งที่ดีที่สุด คือ การไม่ใส่ทั้งน้ำตาลและไม่ใส่สารให้ความหวานทดแทน มีงานวิจัยหลายชิ้นที่รองรับว่า การกินสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลไม่เพิ่มความอยากอาหารอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

อย่างไรก็ตาม สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลก็ยังคงให้รสชาติที่หวานอยู่ ดังนั้นแล้วคนที่ได้รับสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลจะยังคงติดรสหวานอยู่

สารให้ความหวานที่หมอแนะนำ คือ น้ำตาลหล่อฮังก้วย ซึ่งเป็นสารให้ความหวานโดยธรรมชาติ ผลข้างเคียงค่อนข้างต่ำและยังไม่เคยได้รับการพิสูจน์ว่า ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย

ทั้งนี้ น้ำตาลและสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลมีทั้งประโยชน์และมีทั้งโทษ การรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

 

หวานแต่ไม่อ้วน สารทดแทนน้ำตาล ทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพ