รู้ทัน IIMs: โรคกล้ามเนื้ออักเสบที่ต้องเฝ้าระวัง ภัยเงียบที่ควรรู้

08 ส.ค. 2567 | 04:40 น.

กรมการแพทย์ เผย โรคกล้ามเนื้ออักเสบที่เกิดจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน หรือ IIMs พบได้น้อยแต่อันตราย เน้นย้ำความสำคัญของการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม พร้อมแนะนำวิธีสังเกตอาการเบื้องต้น

โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ เผย idiopathic inflammatory myopathies (IIMs) เป็นกลุ่มของโรคกล้ามเนื้ออักเสบที่เกิดจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน เป็นกลุ่มที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่เชื่อว่า เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมและปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานต่อกล้ามเนื้อหรือเนื่อเยื่อเกี่ยวพันของตนเอง 

โรคนี้พบเกิดร่วมกับโรคมะเร็งได้ประมาณร้อยละ 10 Inclusion body myositis (IBM) เป็นการอักเสบของกล้ามเนื้อ โดยจะค่อย ๆ แสดงอาการ จนมีอาการกล้ามเนื้อลีบ ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นปี

ทั้งนี้ สามารถแบ่งออกเป็น Polymyositis (PM) เป็นการอักเสบของกล้ามเนื้อหลายมัดพร้อมกัน พบบ่อยในกล้ามเนื้อต้นแขนต้นขา และกล้ามเนื้อหลอดอาหาร Dermatomyositis (DM) เป็นการอักเสบของกล้ามเนื้อหลายมัดพร้อมกับมีผื่นผิวหนังอักเสบ แดง ร่วมด้วยโดยมักพบที่ใบหน้า รอบตา และผิวหนังบริเวณที่ได้รับแสงแดดเป็นประจำ

กลุ่มโรค IIMs พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย

นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า อุบัติการณ์การเกิดโรคกลุ่มของอาการกล้ามเนื้ออักเสบหลายมัดที่เกิดจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกันผิดปกติต่อต้านตัวเอง idiopathic inflammatory myopathy (IIMs) โดยพบประมาณ 2-7.7 คนต่อประชากรหนึ่งล้านคน

เป็นโรคที่พบได้น้อย (rare disease) ซึ่งพบประมาณร้อยละ 20 ของกลุ่มโรคกล้ามเนื้ออักเสบ โดยโรคที่มีความผิดปกติของกล้ามเนื้อนี้มักพบในวัยผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ผู้ป่วยส่วนมากจะเริ่มด้วยอาการกล้ามเนื้อต้นแขนขาอ่อนแรงทั้ง 2 ข้าง แบบค่อยเป็นค่อยไปโดยอาจจะมีหรือไม่มีอาการปวด เป็นเวลา 3-6 เดือนก่อนมาพบแพทย์

อาการกลุ่มโรค IIMs พบได้บ่อย

นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวต่อว่า ผู้ป่วยบางรายโดยเฉพาะในเด็กและวัยหนุ่มสาวที่เป็นโรคกล้ามเนื้อและผิวหนังอักเสบ อาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อเฉียบพลันและกล้ามเนื้ออ่อนแรงภายในเวลาสัปดาห์ได้ บางรายก็แค่ปวดกล้ามเนื้ออย่างเดียว

นอกจากนี้สามารถเกิดร่วมกับโรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่น ๆ ก็จะมีอาการผสมทั้งสองโรคได้ เช่น ร่วมกับ โรคหนังแข็ง (scleroderma) หรือโรคเอสแอลอี (SLE) เป็นต้น

ดังนั้น การตรวจในผู้ป่วยโรค จำเป็นต้องอาศัยการซักประวัติ การทบทวนประวัติอดีต ประวัติการใช้ยา ประวัติครอบครัว และการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ที่สำคัญคือการยืนยันผลตรวจพยาธิวิทยาของกล้ามเนื้อเพื่อการวินิจฉัยโรคที่แน่นอนและให้การรักษาเฉพาะโรคต่อไป 

พญ.ปัญนิภา บุบผะเรณู นายแพทย์ชำนาญการ กลุ่มงานอายุรศาสตร์ รพ.ราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มของอาการกล้ามเนื้ออักเสบหลายมัดจะมีอาการแสดงที่ชัดเจน ได้แก่ กล้ามเนื้อบริเวณต้นแขนและต้นขาทั้งสองข้างอ่อนแรง การตรวจเลือดมักพบระดับเอ็นซัยม์กล้ามเนื้อ เช่น ครีเอตินีนไคเนส (creatinine kinase; CK) สูง

ร่วมกับความผิดปกติของการตรวจคลื่นไฟฟ้าวินิจฉัย (electromyography; EMG) บริเวณกล้ามเนื้อที่มีพยาธิสภาพและมักมีอาการแสดงระบบอื่นร่วม ได้แก่ ผื่นผิวหนัง ปวดข้อ เหนื่อยง่ายจากการมีรอยของปอดลักษณะอักเสบของอินเตอร์สติเชี่ยม (interstitial lung disease; ILD) บางรายเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งมากกว่าประชากรทั่วไป

การวินิจฉัย กลุ่มโรค IIMs

การวินิจฉัยจะอาศัยลักษณะทางคลินิกร่วมกับผลตรวจทางพยาธิของกล้ามเนื้อในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์อย่างเพียงพอสำหรับการเลือกใช้ยารักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้มากนัก ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ยังเป็นยาหลักในการรักษาและยากดภูมิคุ้มกันแทนที่ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ เป้าหมายในการรักษาหลักเพื่อให้ผู้ป่วยมีกำลังสมรรถภาพกล้ามเนื้อ และกลับมาดำรงชีวิต ได้ใกล้เคียงกับสภาวะปกติมากที่สุด

ประกอบกับรักษาอาการอื่นควบคู่กันไปและการตรวจเฝ้าระวังโรคมะเร็งโดยเฉพาะใน 3 ปี แรกเป็นสิ่งสำคัญมาก ปัจจุบันมีการศึกษาค้นคว้ามากขึ้น ในเรื่องกลไกการเกิดโรคและค้นพบแอนติบอดีที่จำเพาะโรค เพื่อนำมาช่วยวินิจฉัยและช่วยทำนายการพยากรณ์โรค เพื่อให้มีการดูแลรักษาผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต