17 กันยายน 2567 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แถลงถึงความพร้อมของ สปสช. เพื่อรองรับ 30 บาทรักษาทุกที่ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครซึ่งในที่ 27 ก.ย.นี้ จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายใต้งาน "30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า กรุงเทพมหานคร" โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานเปิดงาน
สปสช. ได้ออกประกาศ 4 ฉบับเพื่อรองรับการดำเนินการที่เป็นไปตามกฎหมาย ประกอบด้วย 1.ประกาศการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการให้บริการของหน่วยบริการ ตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
2.ประกาศการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการในการรับบริการสาธารณสุข ตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในการเข้ารับบริการทุกครั้งขอให้แสดงบัตรประชาชนเพื่อตรวจสอบสิทธิ
3.ประกาศการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการในการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของผู้รับบริการในหน่วยบริการ ที่ให้บริการตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลและเข้าถึงฐานข้อมูลตามสิทธิได้โดยสะดวก จัดเก็บและเชื่อมโยงข้อมูลตามมาตรฐานและกฎหมายอย่างปลอดภัย
4.ประกาศการกำหนดตราสัญลักษณ์และการใช้ตราสัญลักษณ์สำหรับหน่วยบริการที่ให้บริการ ตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ สำหรับติดตั้งที่หน่วยบริการเพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงจุดบริการ
ขณะที่ภาพรวมของการดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ข้อมูล ณ วันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา ระบุว่า ได้ให้บริการไปแล้วจำนวน 7.57 ล้านครั้ง เป็นเงินเบิกจ่ายค่าบริการทั้งสิ้นกว่า 5,910 ล้านบาท
พญ.ลลิตยา กองคำ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันผู้มีสิทธิบัตรทองในพื้นที่ กทม. มีประมาณ 5.4 ล้านคน ไม่รวมประชากรแฝง
ผู้มีสิทธิบัตรทองนอกจากการรับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำตามสิทธิแล้ว ยังสามารถรับบริการได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง คลินิกชุมชนอบอุ่นประมาณ 280 แห่ง
สปสช. ยังอำนวยความสะดวกให้สามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการทางเลือกใหม่อีก 1,369 แห่ง ที่มีตราสัญลักษณ์ 30 บาทรักษาทุกที่ โดยใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว ไม่ต้องใช้ใบส่งตัว
นอกจากนี้เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างครอบคลุมและสะดวกมากที่สุด สปสช. ยังได้ขยายนวัตกรรมบริการในพื้นที่ กทม. เพิ่มเติมอีก 10 ประเภท อาทิ บริการการแพทย์ทางไกลพร้อมจัดส่งยาถึงบ้าน 4 แอปพลิเคชัน, บริการเจาะเลือดที่บ้านผู้ป่วยให้กับผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง 16 แห่ง, รถทันตกรรมเคลื่อนที่ 3 คัน ดูแลสุขภาพช่องปากกลุ่มเปราะบาง และรถเวชกรรมเคลื่อนที่ในชุมชน เพิ่มการเข้าถึงการรักษาโรคเบื้องต้น เป็นต้น
ด้าน นพ.ดุสิต ขำชัยภูมิ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการเบิกจ่ายให้กับหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการนี้ว่า การให้บริการของหน่วยบริการจะใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียวโดยไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว
กรณีที่เป็นการให้บริการแก่ประชาชนนอกพื้นที่รับผิดชอบ สปสช. จะจ่ายเงินแก่หน่วยบริการตามรายการบริการ (Fixed Fee Schedule) ซึ่งข้อมูลการให้บริการจะถูกเชื่อมต่อผ่าน API กับระบบเบิกจ่ายของ สปสช. และจะได้รับเงินค่าบริการภายใน 3 วันนับจากวันที่ส่งข้อมูล
ขณะที่นายประเทือง เผ่าดิษฐ ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช. กล่าวถึงความคืบหน้าของการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพแต่ละแพลตฟอร์มของสถานพยาบาลกับ สปสช. แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
การเชื่อมข้อมูลให้ประชาชนใช้ยืนยันตัวตนและการรับบริการ ซึ่ง สปสช. จะเชื่อม API กับทุกแอปพลิเคชันที่ประชาชนใช้ เช่น เป๋าตัง ทางรัฐ ThaID แอปฯ สปสช. และไลน์ออฟฟิเชียล @nhso
นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมข้อมูลระหว่าง สปสช. กับหน่วยบริการ เช่น เชื่อมข้อมูลหน่วยบริการ ที่ upload ไว้บน Cloud ทุกแหล่ง cloud หมอพร้อม, กลาโหม, UHOSNET ฯลฯ
สุดท้าย คือ การเชื่อมข้อมูลระหว่างโรงพยาบาลและคลินิกนวัตกรรม เช่น คลินิกเทคนิคการแพทย์, คลินิกกายภาพบำบัด เป็นต้น ทั้งนี้ สปสช. มีเป้าหมายในการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยบริการในพื้นที่ กทม. ทั้งหมด 1,619 แห่ง ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลสำเร็จแล้ว 1,535 แห่ง และอยู่ระหว่างการเชื่อมโยงข้อมูลอีก 84 แห่ง
นางสาวดวงนภา พิเชษฐ์กุล ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สปสช. ได้เปิดช่องทางพิเศษ คือ สายด่วน สปสช. 1330 กด 6 เป็นการเฉพาะ กรณีติดขัดการเข้ารับบริการใด ๆ ก็สามารถสอบถามโดยใช้ช่องทางนี้ได้เช่นกัน ทั้งยังให้บริการนัดหมายและจองคิว
การรับรองสิทธิการเข้ารับบริการ ประสานโรงพยาบาล ส่งต่อข้อมูลให้หน่วยบริการนวัตกรรมกรณีที่ผู้ป่วยต้องการเข้ารับบริการที่หน่วยนวัตกรรม เช่น กายภาพบำบัด เป็นต้น และประสานรับบริการกรณีที่ไม่ได้รับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเชิงรุก อาทิ บริการแว่นตาเด็ก เป็นต้น
ในส่วนของผู้ให้บริการ สปสช. ได้เปิดสายด่วนเฉพาะ 1330 กด 5 เพื่อให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวกสำหรับหน่วยบริการ เช่น สอบถามข้อมูล ตรวจสอบและรับรองสิทธิการเบิกจ่าย เชื่อมโยงบริการ ขอรหัสการเบิกจ่าย (Claim code) ตรวจสอบการจ่ายเงิน เป็นต้น