Krungthai COMPASS มองว่า ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนยังมีศักยภาพในการเติบโต โดยคาดว่า ปี 2567 ธุรกิจจะขยายตัวในกรอบ 8-12%YoY และมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่องในกรอบ 6-10%YoY ในปี 2568 จากปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่งตามโครงสร้างพื้นฐานเดิมที่ยังส่งผลอยู่ ท้งความต้องการการรักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนคนไข้และอัตราการเจ็บป่วยที่สูงขึ้น
ขณะที่การพัฒนาด้านการแพทย์สมัยใหม่ ทำให้เกิดการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งตามมาด้วยค่ารักษาพยาบาลที่ค่อนข้างสูง หรือที่เรียกว่า การแพทย์มูลค่าสูง เช่น การแพทย์แม่นยำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมจากการฟื้นตัวเต็มที่ของกลุ่ม Medical Tourism
"ช่วงครึ่งแรกปี 2567 รายได้รวมของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กลับมาขยายตัวอีกครั้ง ที่ 7.2%YoY หลังทยอยปรับฐานในปี 2566 เนื่องจากอานิสงส์จากการรับรักษาโควิดทยอยหมดลงอย่างมีนัยสำคัญ จนทำให้รายได้รวมของกลุ่มโรงพยาบาลที่เน้นรักษาคนไข้ชาวไทยหดตัวเกือบทุกแห่ง และทำให้ภาพรวมรายได้ของกลุ่มนี้หดตัวราว 14.1%YoY"
ขณะที่รายได้รวมของกลุ่มโรงพยาบาลที่เน้นรักษาคนไข้ต่างชาติยังเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมรายได้รวมของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในปี 2566 หดตัวเล็กน้อยเพียง 0.6%
ขณะที่ ข้อมูลจากกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในปี 2566 นักท่องเที่ยวกลุ่ม Medical & Wellness เป็นกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงสุด ที่ 99,770 บาทต่อคน เพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งเท่าตัว เมื่อเทียบกับปี 2562
ดังนั้น กลุ่ม Medical Tourism ยังเป็นเป้าหมายสำคัญของโรงพยาบาลเอกชน โดย Krungthai COMPASS ประเมินว่า ในระยะ 1-2 ปีนี้ รายได้จากคนไข้ต่างชาติของโรงพยาบาลเอกชน โดยเฉพาะกลุ่ม Medical Tourism ยังมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้รับอานิสงส์จากกลุ่มลูกค้าชาวอาเซียน จีน รัสเซีย และตะวันออกกลาง ที่จะยังคงกลับมาใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนในไทย
จากความเชื่อมั่นในคุณภาพการรักษา ค่ารักษาพยาบาลและค่าครองชีพไม่สูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน อีกทั้งมีมาตรฐานและบริการที่ดี พร้อมทั้งประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI มากถึง 50 แห่ง และมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในระยะ 5-10 ปี ข้างหน้า
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยจะมีมูลค่ากว่า 6.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท ในปี 2577 เติบโตเฉลี่ยปีละ 15.7% (CAGR ปี 2567-2577)
ปัจจัยท้าทายของธุรกิจ ในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า ได้แก่
3 ประเด็นที่ต้องติดตาม