2565 ปีทอง กัญชา-กัญชง ตลาดบูมทั้งไทย-เทศ

20 พ.ย. 2564 | 09:05 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ย. 2564 | 16:11 น.

พืชเศรษฐกิจ “กัญชา- กัญชง” กลับมาคึกคักอีกครั้งในโค้งท้ายของปีฉลู หลังจากซาไปเพราะพิษการแพร่ ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี สัญญาณที่ดีขึ้นทำให้กูรูในวงการฟันธงว่า “ปี 2565 จะเป็นปีทองของกัญชา-กัญชง” แต่ภาพความเป็นจริงตลาดจะเกิดขึ้นได้จริงหรือ?

“กัญชา กัญชง” ในตลาด เมืองไทยถูกมองว่าเป็น “ดาวรุ่ง” หลังภาครัฐประกาศปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติด กลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่ร้อนแรงและเนื้อหอมสุดๆ เพราะผู้เล่นทั้งรายใหญ่ รายเล็กในทุกอุตสาหกรรมต่างโดดเข้ามาร่วมวงขอมีเอี่ยว แต่ต้องเผชิญกับปัญหารอบด้านทั้งขั้นตอนการขึ้นทะเบียน การขออนุญาต ฯลฯ ไม่ใช่เฉพาะ “โควิด” อย่างเดียว

 

การคาดการณ์ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดตั้งแต่ช่วงกลางปี จึงเหลือเพียงสินค้าที่ใช้กลิ่นเทอร์ปีนสังเคราะห์ออกมาไม่กี่แบรนด์เท่านั้น ขณะที่ฟากผู้ประกอบการในกลุ่มต้นนํ้าก็ได้แต่รอเพราะความล่าช้าในการขออนุญาตกินเวลานานอย่างน้อย 3 เดือน

“พรชัย ปัทมินทร” นายกสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทยฉายภาพตลาดกัญชา กัญชงว่า ในความเป็นจริงมูลค่าตลาดกัญชา กัญชงพูดกันในหลักหมื่นถึงแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในทั่วโลก อัตราการเติบโตอย่างตํ่าปีละ 35%

 

สำหรับประเทศไทยตลาดกัญชา กัญชง กระท่อมต่างมีแนวทางของตัวเองในการเดิน ปีนี้เป็นปีแรกของการปลดล็อก ทำให้ซัพพลายเชนส่วนของต้นนํ้าและกลางนํ้ามีความตื่นตัว 95% ของผู้ประกอบการ พูดถึงเรื่องการปลูกเป็นหลักและการสกัดบางส่วน รวมไปถึงความตื่นเต้นในการขายสารสกัด CBD

 

ส่วนในปี 2565 จะเห็นการพัฒนาและการออกโปรดักส์มากขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ภาพของการซื้อขายสารสกัด CBD ช่อดอก และการนำประโยชน์ไปใช้อย่างจะชัดเจนมากขึ้นต่อมาจะเห็นบรรยากาศการเริ่มซื้อขายกับต่างประเทศ และจะเห็นนวัตกรรมอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น สิ่งทอ เคมี วัสดุก่อสร้าง อาหาร เครื่องดื่ม ยานยนต์ พลาสติก composite อาหารเสริม ยา เครื่องสำอาง เวชสำอาง ฯลฯ ต่างๆ

 

สำคัญคือการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่ดีอยู่ได้นาน และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในตลาดทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมายสื่อสารบนข้อมูลที่ไม่เกินจริง เพื่อให้อีโคซิสเต็มอยู่บนกรอบกฎหมาย

2565 ปีทอง กัญชา-กัญชง ตลาดบูมทั้งไทย-เทศ


“ในความเป็นจริงตลาดควรจะเริ่มตั้งแต่ปีนี้ แต่เนื่องจากว่าสถานการณ์โควิด ทำให้ทุกอย่างช้าลง แต่เชื่อว่าในปีหน้าผลิตภัณฑ์กัญชา กัญชงจะมีความหลากหลายมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติแน่นอนทั้งในเรื่องของท่องเที่ยวอาหารและเครื่องดื่ม เพราะผู้บริโภคเปิดใจมากขึ้นจากการได้ทดลองชิม ทดลองใช้ จนเกิดซื้อซํ้า” อีกมุมมองจาก “อุนารินทร์ กิจไพบูลทวี” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคนนาบิซ เวย์ จำกัด เจ้าของฉายา “นางฟ้ากัญชา”


มุมมองของ “อุนารินทร์” ยังสะท้อนให้เห็นว่า หากไทยไม่ติดภาวะโควิด ตลาดกัญชา กัญชงจะเติบโตเร็วกว่านี้ และเชื่อว่าตลาดจะไม่หยุดโต หลังจากที่ผู้ประกอบการจำนวนมากผลักดันสินค้าเข้าสู่ตลาด รวมทั้งการอนุญาตให้ใช้ CBD ในธุรกิจอาหาร และกลุ่มความงาม รวมไปถึงการออกใบอนุญาตให้โรงสกัดสามารถดำเนินการได้ เพื่อรอง รับการเติบโตของตลาด “แคนนาบิซ เวย์” เตรียมปั้นสินค้าใหม่ทั้งในกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม เบเกอรี่ อาหารเสริม เครื่องสำอาง รวมไปถึงเส้นทางท่องเที่ยว“เมืองกัญชาในม่านหมอก” ด้วย

 


ตลาดกัญชา กัญชง ที่เติบโตไม่ใช่เฉพาะในกลุ่มต้นนํ้าเท่านั้น ในกลุ่มปลายนํ้า มีแนวโน้มขยายตัวเช่นกัน เห็นได้จากนวัตกรรมสินค้าที่ออกสู่ตลาด โดย “โยชัย  ศศิวรรณ” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท THCG กรุ๊ป แสดงความคิดเห็นว่า ต้นปี 2565 จะมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการกัญชง กัญชาออกสู่ตลาดมากขึ้นทั้งในส่วนของอาหารและบริการ แต่ตามข้อกฎหมายแล้วเทรนด์เครื่องสำอางมาอันดับ 1 แน่นอนและตามมาด้วยเวฟของอาหารและเครื่องดื่มตามจำนวนวัตถุดิบที่เริ่มมีมากขึ้น ในขณะกลุ่มยาจากกัญชงมีความหลากหลายอย่างน้อยกว่าผลิตภัณฑ์ยาจากกัญชา

 


ส่วนตลาดต่างประเทศ ที่วันนี้สามารถส่งออกสารสกัด CBD ไปจำหน่ายในต่างประเทศ และยังเปิดกว้างให้ส่งออกช่อดอกกัญชา รวมถึงเมล็ดพันธุ์ ถือเป็นโอกาสและอีกแนวโน้มที่น่าสนใจคือ รัฐบาลกำลังส่งเสริมการส่งออก ช่อดอกกัญชาไปต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยผู้ประกอบการต้นนํ้าได้มาก เพราะในประเทศไทยสามารถส่งขายช่อดอกให้กับองค์การเภสัชกรรมในราคาสูงสุดเพียงกรัมละ 45 บาท ในขณะที่ต่างประเทศราคาช่อดอกอยู่ที่ 300 บาทต่อกรัม

 


หนึ่งในผู้ประกอบการที่มีแผนส่งออกผลิตภัณฑ์จากกัญชาไปจำหน่ายในต่างประเทศทั้งเยอรมนีและเกาหลีอย่าง“วรฤทัย นักเกษม” Marketing Director บริษัท โอเค มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เซลส์ คอนซัลติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายคราฟท์โซจูกัญชาไร้แอลกอฮอล์ ภายใต้แบรนด์ “เนอวาน่า ไฮ” กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า เนอวาน่า ไฮ เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์เทรนด์ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้รับการติดต่อนำสินค้าไปจำหน่ายในเยอรมนีและเกาหลี โดยขึ้นทะเบียนอย. ของเกาหลีเป็นที่เรียบร้อยแต่ยังไม่สามารถส่งออกได้เนื่องจากยังไม่ผ่าน อย. ไทยที่ยังอยู่ในขั้นตอนการขึ้นทะเบียนขออนุญาตและคาดว่าจะได้รับการอนุมัติภายในต้นปี 2565 

 

นอกจากนี้บริษัทยังเป็น 1 ใน 5 บริษัทที่จดทะเบียนทำธุรกิจกัญชาโดยเฉพาะดังนั้นคู่แข่งใต้ดินอาจจะมีเยอะ แต่คู่แข่งบนดินน่าจะน้อยมาก เพราะการมีกัญชาในผลิตภัณฑ์ไม่ง่าย ในการขออนุญาตต่างๆและยากมากสำหรับการทำให้กัญชามีสารมึนเมาได้โดยไม่ใช้ช่อดอก ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายแล้ว และได้รับ รอง OTOP 5 ดาว แต่ยังไม่สามารถส่งออกต่างประเทศหรือขึ้นชั้นวางในโมเดิร์นเทรดได้

 


วันนี้เทรนด์ของตลาดกัญชา กัญชง ที่ถูกนำไปต่อยอดหลากหลาย รวมถึงโอกาสในตลาดต่างประเทศ จะส่งให้อนาคตของกัญชา กัญชง ในปี 2565 บูมแค่ไหน และจะเป็น “ปีทอง” จริงหรือไม่ ยังต้องจับตาดูต่อไป