ดราม่า "โมเดอร์นา" ไม่จบ มธ.โบ้ย กต.ไม่เคยแจ้งห้ามค้าวัคซีนบริจาคโปแลนด์

03 พ.ย. 2564 | 02:07 น.
อัปเดตล่าสุด :03 พ.ย. 2564 | 09:47 น.

รพ.ธรรมศาตร์ แจงอีกรอบ ปมวัคซีนบริจาคจากโปแลนด์ หลังกระทรวงต่างประเทศออกแถลงการณ์ เหตุ ดีลล่ม เพราะมธ.จะยกวัคซีนให้หุ้นส่วนเอกชนนำไปขายต่อ ยันกระทรวงต่างประเทศไม่เคยแจ้ง “ห้ามค้าวัคซีนบริจาคจากโปแลนด์”

 

หลังจาก รพ.สนามธรรมศาสตร์ออกมาเปิดเผยว่า ดีลวัคซีนบริจาคจากโปแลนด์ จำนวน1,500,000โดส ยุติการเจรจาและไม่สามารถนำเข้าวัคซีนดังกล่าวได้เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ทำหนังสือยืนยันตัวตนให้ รพ.ธรรมศาสตร์ในการขอรับบริจาควัคซีน Moderna ซึ่งยังมีอายุใช้งานได้ถึงเดือนเมษายน 2565 จำนวน 1.5 ล้านโดส จากประเทศโปแลนด์ เป็นเหตุให้ต้องยุติการขอรับบริจาคลงนั้น

 

ภายหลังกระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงประเด็นไม่ทำหนังสือยืนยันตัวตนให้ รพ.ธรรมศาสตร์ เพราะรพ.ธรรมศาสตร์จะนำวัคซีน 2 ใน 3 ส่วนให้หุ้นส่วนเอกชน นำไปจำหน่ายให้ผู้สนใจ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ซึ่งขัดกับกฏการบริจาคของโปแลนด์ ที่ไม่อนุญาตให้นำวัคซีนที่ได้รับบริจาคไปขาย 

 

โดยกระทรวงการต่างประเทศกระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจงดังนี้ว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แจ้งกระทรวงการต่างประเทศว่า ในการรับบริจาควัคซีนจากโปแลนด์ครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงจะรับวัคซีนจำนวน 1 ใน 3 ของวัคซีนที่ได้รับบริจาคไว้เอง เพื่อให้บริการประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และจะมอบวัคซีนที่ได้รับบริจาคมาอีก 2 ใน 3 ให้เอกชนที่เป็นหุ้นส่วน เพื่อนำไปจำหน่ายให้ผู้สนใจ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น

 

กระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์แล้ว ได้รับแจ้งว่าไม่อนุญาตให้นำวัคซีนที่ได้รับบริจาคไปขาย และฝ่ายไทยต้องได้รับ market authorization จากบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายวัคซีนโมเดอร์นาด้วย ซึ่งทั้งสองประเด็นเป็นแนวปฏิบัติโดยทั่วไปของการบริจาควัคซีนและเวชภัณฑ์ระหว่างประเทศ และไม่สามารถเจรจาต่อรองเป็นอื่นได้

นอกจากนี้ ตัวแทนบริษัทวัคซีนได้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศในลักษณะเดียวกันว่า จะต้องไม่มีการนำวัคซีนที่ได้รับบริจาคไปขาย ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีสถานะเป็นผู้แทนรัฐบาลโปแลนด์ ไม่เคยยืนยันว่ารัฐบาลโปแลนด์ยินดีบริจาควัคซีนดังกล่าวให้ฝ่ายไทย

 

โดยที่เป็นที่ชัดเจนว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะนำวัคซีนที่ได้รับบริจาคส่วนหนึ่งให้เอกชนหุ้นส่วนไปขาย และไม่มีหลักฐานใดๆ ว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับ market authorization จากบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายวัคซีนโมเดอร์นาแล้ว กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย จึงไม่อยู่ในสถานะที่จะมีหนังสือยืนยันว่ารัฐบาลไทยยินดีรับบริจาควัคซีนดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและโปแลนด์ และความน่าเชื่อถือของประเทศไทย เมื่อหุ้นส่วนเอกชนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นำวัคซีนที่ได้รับบริจาคไปขาย ทั้งยังอาจทำให้บริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายวัคซีนฟ้องร้องรัฐบาลไทยในภายหลัง 

 

การพิจารณาของกระทรวงการต่างประเทศเป็นไปโดยยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก

และยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศไม่เคยปิดกั้นความพยายามของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และหุ้นส่วนเอกชนที่จะขอรับบริจาควัคซีนจากโปแลนด์หรือประเทศใด และในกรณีนี้ได้แนะนำด้วยว่า ให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หารือโดยตรงกับหน่วยงานที่ประสงค์บริจาคต่อไป

 

ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศยินดีสนับสนุนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หากต้องการรับบริจาควัคซีนจากมิตรประเทศในอนาคต.

 

ทั้งนี้ล่าสุดเพจ รพ.สนามธรรมศาตร์ ได้ชี้แจงกรณีการโต้กลับของกระทรวงต่างประเทศ ว่าทางมธ.มีประเด็นเพิ่มเติมจากแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศ เรื่องการรับบริจาควัคซีนจากโปแลนด์ ที่แจ้งไปแล้วเมื่อวานว่า “จบไปแล้ว”  โดยไม่มีการส่งมอบวัคซีนบริจาคใดๆมายังประเทศไทย เนื่องจากธรรมศาสตร์ไม่สามารถมีหนังสือจากทางการไทยรับรองว่ารัฐบาลไทยเห็นชอบให้ธรรมศาตร์รับบริจาค Moderna จำนวน1,500,000โดสจากหน่วยงานของรัฐในโปแลนด์ได้ 

 

วันนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ ต่อความให้ยาวขึ้นอีก ด้วยการออกแถลงการณ์ว่า เหตุผลที่ไม่ออกหนังสือรับรองให้ธรรมศาสตร์นั้น มีสองประการ คือหนึ่ง ไม่มีความยินยอมจากบริษัทผู้ผลิตวัคซีนในการที่พวกเราจะไปขอรับบริจาค Moderna มาใช้ในประเทศไทย 

 

และอีกประการหนึ่ง กต. แถลงว่า ได้ทราบว่าในจำนวนวัคซีน1.5 ล้านโดสที่จะได้รับบริจาคมานั้น ธรรมศาสตร์จะนำมาฉีดให้ประชาชนทั่วไปโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆเพียง 500,000 โดส ส่วนอีกหนึ่งล้านโดสจะให้เอกชนที่เป็นคู่สัญญากับมธ. นำไปจำหน่ายโดยเรียกเก็บเงิน กต.เกรงว่าจะเกิดความเสียหายแก่ประเทศ และขัดเจตนาของทางโปแลนด์และประเทศไทยจะเสียชื่อเสียง จึงไม่ยอมออกจดหมายรับรองการขอรับบริจาคให้แก่ มธ. 

 

ข้อสังเกตเบื้องต้นของพวกเราก็คือ กต.ไม่เคยแจ้งเหตุผลข้อหลังนี้ให้พวกเราทราบมาก่อนเลย ทั้งด้วยวาจา ผ่านตัวแทนที่ได้รับมอบหมายให้ดีลกับ มธ. และไม่เคยสอบถามรายละเอียดใดๆเกี่ยวกับ”การค้าวัคซีน”นี้ มายังมธ.เลย แม้ในจดหมายที่เป็นทางการที่ ทาง กต.ตอบมายังอธิการบดี มธ. ก็ไม่เคยแจ้งพวกเรา ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐด้วยกันว่า เกรงจะมีปัญหาเรื่องนี้ ( เพราะหากแจ้งเช่นนั้น มธ . คงจะได้เข้าปรึกษาหารือกับ กต. และหาแนวทางอื่นในการดำเนินการร่วมกันเพื่อประโยชน์ของประเทศได้ทันท่วงที) คำอธิบายเหตุผลเรื่องนี้ เพิ่งมาปรากฎขึ้นในวันที่ 2 พย. วันนี้เอง 

 

ต่อเหตุผลทั้งสองข้อที่ กต. แจ้งว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่สามารถรับรองการรับบริจาคให้แก่ธรรมศาสตร์ ข้อแรกนั้น เรายืนยันว่า ได้แจ้งแก่ผู้แทนที่กต. มอบให้เป็นผู้ประสานงานว่า พวกเรากำลังดำเนินการเพื่อขอความเห็นชอบจากบริษัทผู้ผลิตวัคซีน ในการที่จะให้ความเห็นชอบที่โปแลนด์จะบริจาคModerna ให้แก่มธ.ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐในประเทศไทย ซึ่งได้ดำเนินการคู่ขนานไปกับการขอให้ทาง กต. ทำจดหมายแจ้งไปยังโปแลนด์อยู่แล้ว การให้ความยินยอมนี้ จะเกิดง่ายขึ้นด้วยซำ้ หากมีจดหมายจาก กต.รับรองสถานะของธรรมศาสตร์อีกทางหนึ่งด้วย 

 

ในประเด็นที่สอง เรื่องการแบ่งวัคซีนอีกหนึ่งล้านโดสให้เอกชนคู่สัญญานำไปจำหน่าย นั้น เราได้แจ้งแก่ผู้แทน กต.ตั้งแต่ต้นว่า การบริจาคครั้งนี้ เป็นการบริจาควัคซีนจากคลังสำรองในโปแลนด์ ผู้รับบริจาคจะต้องส่งคณะผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบสภาพ สถานะ และลอตการผลิต ตลอดจนจัดเตรียม dossier ในการจัดส่งและตรวจสอบ จัดการในเรื่อง logisticในการนำวัคซีนไปยังสนามบิน จัดการในเรื่องการขนส่ง การประกันภัยวัคซีน พิธีการศุลกากร และการบริหารจัดการคลังเก็บวัดซีนในประเทศ ตลอดทั้งการประกันภัยผลข้างเคียงจากการได้รับวัคซีนเอง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเรื่องเหล่านี้คิดเป็นเงินจำนวนหลายร้อยล้านบาท และในกรณีการรับบริจาค Astra Zeneca จากหลายประเทศ หลายครั้ง รัฐบาลไทยก็เคยเป็นผู้รับผิดชอบโดยใช้เงินงบประมาณของรัฐจ่ายไปทั้งหมด

 

ในกรณีของธรรมศาสตร์ ซึ่งไม่มีงบประมาณแผ่นดินให้จ่ายได้ดังกรณีที่รัฐรับบริจาค เราจึงได้ขอให้ภาคเอกชนคู่สัญญาของเรา เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ไป และตกลงว่าจะให้นำวัคซีนModerna หนึ่งล้านโดส ออกไปกระจายฉีดให้ประชาชนทั่วไป โดยคิดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ประกันภัย และโลจิสติคที่เกี่ยวข้องได้ ตามราคาต้นทุนที่ได้จ่ายไปจริง (at cost )

 

โดยธรรมศาสตร์แจ้งผู้แทน กต. ว่า เราจะตั้งโต๊ะแถลงข่าว แจกแจงรายการต่างๆพร้อมทั้งแสดงหลักฐานว่า “ค่าใช้จ่ายในการได้มาซึ่งวัคซีนบริจาค“ลอตนี้ มีจำนวนเท่าใด และจะขอให้ผู้ฉีดวัคซีนในส่วนหนึ่งล้านโดสนั้น ช่วยรับผิดชอบร่วมกันด้วย 

 

ประเด็นที่สำคัญคือ เมื่อได้คำนวนค่าใช้จ่ายแล้ว เราได้เจรจาตกลงกับเอกชนคู่สัญญาว่า เมื่อหักห้าแสนโดสที่จะมอบให้ธรรมศาสตร์และโรงพยาบาลเครือข่ายไปฉีดให้ผู้ที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์โดยไม่เรียกเก็บค่าตอบแทนออกแล้ว วัคซีนอีกหนึ่งล้านโดสที่เหลือ ตกลงจะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในเรื่องการขนส่ง โลจิสติค และประกันภัย รวมเป็นจำนวนโดสละ 400 บาท เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปโดยไม่มีงบประมาณภาครัฐรองรับ ซึ่งก็ตำ่กว่าราคา 1.100 บาทที่เป็นราคาต้นทุนวัคซีนที่หน่วยงานภาครัฐที่นำวัคซีนชนิดนี้เข้ามาในประเทศ เรียกเก็บจากสถานพยาบาลต่างๆอยู่เป็นอย่างมาก 

 

เราได้แจ้งหลักเกณฑ์และจำนวนค่าใช้จ่ายที่จะขอเรียกเก็บนี้ให้ผู้แทน กต. ทราบด้วยแล้วเช่นกัน 

ข้อที่พวกเรารู้สึกประหลาดใจมาก คือเหตุผลข้อที่สองของ กต. ที่เพิ่งแถลงขึ้นในวันนี้ เรื่องเกรงจะมีการนำวัคซีนไปจำหน่าย จะทำให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นเหตุผลและความกังวลที่ไม่เคยแจ้งหรือปรึกษากันก่อนเลย เพราะหากเรื่องนี้เป็นเงื่อนไขหลักในการออกหนังสือรับรองไปยังโปแลนด์ มธ. อาจจะหาทางขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หรือมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับงบประมาณและการเงิน ให้ช่วยรับภาระในค่าใช้จ่ายส่วนนี้ 

 

ซึ่งมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในเรื่องวัคซีนที่ประเทศไทยได้จ่ายไปหลายหมื่นล้านบาทแล้วในปัจจุบัน เพื่อออกใช้แทนเอกชนไป เพื่อให้ได้วัคซีนที่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพ ลอตนี้ นำเข้ามาฉีดให้กับประชาชนอย่างกว้างขวางแล้วก็ได้ 

 

นี่คือข้อเท็จจริงและรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ธรรมศาสตร์อยากจะสื่อสารกับผู้คนทั้งหลายให้ได้ทราบ ต่อจากข้อมูลบางส่วนที่ กต. ได้แถลงแล้วในวันนี้ 

 

ท้ายที่สุด ข้อสรุปของเราก็คือ การดำเนินการเรื่องวัคซีนบริจาคจากโปแลนด์ได้ยุติลงแล้ว แต่ธรรมศาสตร์ก็จะยังคงเพียรพยายามที่จะช่วยจัดหาวัคซีนทางเลือก เข้ามาให้แก่ผู้คนทั้งหลายในประเทศนี้อยู่ต่อไป ตามกำลังความสามารถของเรา และด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่ ที่พวกเราอยากจะเป็นส่วนเล็กๆ ที่จะทำประโยชน์แก่ประชาชนผู้ทุกข์ยากเดือดร้อนอีกทางหนึ่ง นอกจากที่รัฐได้ดำเนินการอยู่โดยตรง  แต่สิ่งที่เรียนรู้จากเรื่องนี้ของพวกเราก็คือ ยากเหลือเกินที่องค์กรใดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนได้ ถ้าไม่ได้ดำเนินการในนามของรัฐและใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน จนทำให้ไม่อาจมีการเปรียบเทียบต้นทุน หรือราคาของการสั่งซื้อวัคซีนในแต่ละครั้งได้เลย 

 

วันนี้เราได้เรียนรู้บ้างแล้ว และจะยกเลิกความพยายามในการติดต่อขอรับบริจาควัคซีนในอีกหลายกรณีที่ได้ติดต่อประสานงานไว้แล้ว ถ้าพวกเราจะพยายามทำเรื่องนี้ต่อไปให้สำเร็จ คงจะเป็นการติดต่อเพื่อซื้อวัคซีนเข้ามาโดยตรงเพียงช่องทางเดียวเท่านั้น