นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บ้านปูในฐานะผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ดำเนินงานใน 10 ประเทศ สิ่งที่บ้านปูทำไม่ว่าเราจะไปที่ไหน เราจะถือธงชาติไทยไปด้วย ด้วยการปักธงผู้นำด้านพลังงานที่ให้ความสำคัญด้าน ESG ซึ่งประกอบด้วย สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, Governance)
พร้อมทั้งตั้ง ESG Committee เข้ามาช่วยดูแล และแนะแนวทางการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ โดยปี 2557 ได้ตั้ง Sustainable Committee ขึ้นมาสร้างเรื่อง Sustainability ให้อยู่ในดีเอ็นเอของคนบ้านปู โดยบ้านปูมี Sustainability Policy มาตั้งแต่กว่า 20 ปีที่แล้ว
เป้าหมายหลักของบ้านปู คือ การเดินหน้าธุรกิจด้าน Greener & Smarter เพื่อสร้างรายได้กระแสเงินสดจากส่วนที่เป็นสีเขียวมากกว่า 50% ภายในปี 2568 และหัวใจที่จะทำให้ไปถึงตรงนั้นได้ คือ “อนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน” (Greener & Smarter for Sustainability) ซึ่งก็คือ ESG
“การทำธุรกิจของเรา ยึดหลักเรื่อง Sustainable มาตลอด พอมาพัฒนาเป็น Banpu Heart ทำให้มันกลืนไปกับวัฒนธรรมองค์กรของบ้านปู จากเป้าหมายหลักของสหประชาติ SDGs 17 ข้อ มีถึง 7 ข้อที่สอดคล้องกับบ้านปูโดยตรง และมีการนำมาปรับใช้ตั้งแต่ปี 2564 และมีแผนที่จะทำต่อไปเรื่อยๆ”
เริ่มจากเป้าหมายข้อที่ 6 Clean Water and Sanitation เกี่ยวกับเรื่องน้ำหรือการสุขาภิบาล เป้าหมายข้อที่ 7 คือ พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้ Clean Energy พลังงานจะยั่งยืนได้ มีอยู่ 3 หลักการ คือ 1. ต้องจัดหาซื้อได้ 2. มีความมั่นคงทางด้านพลังงาน ไม่ใช่ไฟติดๆ ดับๆ และ 3. ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป้าหมายข้อที่ 8 งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ บ้านปูประเมินความเสี่ยงด้านธุรกิจ ให้ความสำคัญด้านสิทธิมนุษยชน การดูแลพนักงาน
เป้าหมายข้อที่ 12 การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน ตัวนี้เป็นเป้าหมายหลัก สำหรับธุรกิจเหมืองบ้านปูจะต้องลดการใช้พลังงานสำหรับการผลิตและการบริโภค ให้ได้อย่างน้อย 5% จากปี 2562 และในทุกหน่วยธุรกิจของบ้านปู เป้าหมายข้อที่ 13 เป็นเรื่องการรับมือกับสภาพภูมิอากาศ ซึ่งตรงนี้ จะเป็นไปตามทิศทางของ COP 26 ในเรื่องของ Climate Change
เป้าหมายข้อที่ 15 Light on Land ได้ตั้งเป้าหมายเรื่อง Diversity เรื่องของความหลากหลายทางชีวภาพ และเป้าหมายที่ทุกบริษัทต้องมี คือ เป้าหมายที่ 17 ในเรื่องของความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน บ้านปูพูดถึงเรื่อง Partnership for the Goal ที่ต้องมีเป้าหมายนี้ร่วมกัน
ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป กลุ่มบ้านปูจะไม่มีการลงทุนในส่วนของถ่ายหินเพิ่มเติม จะมีการ Fade Down และเพิ่มธุรกิจที่เป็นพลังงานสะอาด ทั้งพลังงานทดแทน และ Smart Energy for Sustainability สมาร์ทโซลูชั่น ที่ทำให้กับลูกค้า ก็จะขยายไปในประเทศต่างๆ ด้วย และยังทำเรื่องการลดการใช้พลังงาน ตามเป้าหมายที่คณะกรรมการด้านความยั่งยืนของบ้านปูกำหนดไว้ ทั้งการปล่อยมลพิษ (Emission) ของการผลิตไฟฟ้า การทำเหมือง
ส่วนต่อไปจะเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น E- mobility อย่าง MuvMi หรือการร่วมกับฮ้อปคาร์ (HAUPCAR) ผู้ให้บริการเช่ารถยนต์รายชั่วโมง (Car Sharing) ผ่านแอปพลิเคชัน ที่มีการเปิดตัว ‘บ้านปู เน็กซ์ อีวี คาร์ แชริ่ง’ บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า FOMM ผ่านแอปฯ HAUP โดยให้ HAUPCAR เป็นผู้ดูแลระบบการให้บริการทั้งหมด รวมไปถึงการลงทุนในธุรกิจแบตเตอร์รี่ และบียอนกรีน ที่ตัวแทนจัดจำหน่ายรถกอล์ฟ ฮัฟคาร์ ตามสนามกอล์ฟต่างๆ พวกนี้จะนำมาแทนระบบการขนส่งที่ใช้น้ำมันดีเซล ลดการใช้รถที่ใช้น้ำมันพลังงานฟอสซิลได้ นอกจากนี้ เป้าหมายการลด Carbon Emission และการลดการใช้ดีเซลของภูมิภาคลง อันนี้บ้านปูทำไปแล้วและจะทำต่อไป
“การทำ Digital Transformation บ้านปูทำเรื่องนี้ต่อเนื่องมา 4 ปี เพราะฉะนั้น สิ่งต่างๆ ที่ทำ บ้านปูจะเดินหน้าต่อ โดยหลายส่วนมีความกลมกลืนกับ COP26 ตอนนี้เราไปข้างหน้า และนำตรงนั้นมาเข้ากับแผน Greener & Smarter ของเรา ที่เราจะทรานส์ฟอร์มกลับไป” นางสมฤดีกล่าว
ขณะนี้ บ้านปู มีทั้ง Sustainability Committee ที่ประกอบด้วยบิซิเนสยูนิตเฮดของทุกประเทศ ดีพาร์ทเม้นท์เฮดของดีพาร์ทเม้นท์หลักๆ มาร่วมกันตั้งเป้าหมาย วางแผนงานที่จะทำในแต่ละไตรมาส แต่ละปี ว่าบ้านปูจะก้าวหน้าอย่างไร และมี ESG Committee ดูว่าบ้านปูสามารถทำได้ตามนั้นหรือเปล่า โดยคณะกรรมการ คณะผู้บริหาร จะทำงานซัพพอร์ต มีการเช็คแอนด์บาลานซ์ เพื่อให้เกิดควาโปร่งใส่มีธรรมาภิบาล และ ESG Committee ยังเป็นกระบอกเสียงให้กับคณะผู้บริหาร ผู้มีส่วนร่วม และผู้ถือหุ้น การันตีว่า ESG ของบ้านปูไม่ใช่แค่กระดาษ แต่มีการลงมือทำจริง เห็นผลจริง