นายอภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา ผู้ก่อตั้ง และกรรมการบริหาร สลิงชอท กรุ๊ป เปิดเผยว่า ต้องยอมรับว่า หลายคนได้รับการอุปโลกน์ให้เป็นผู้นำเพราะเก่งงานอย่างหาตัวจับยาก แต่บ่อยครั้งที่ไม่ทันได้ตรวจสอบให้ดีว่าคนๆ นั้นมีภาวะผู้นำพร้อมแล้วหรือยัง
ต้องอย่าลืมว่าคนเก่งงานอาจจะไม่เก่งคนเสมอไป
วันนี้ขอนำเสนอ “ภาวะผู้นำ 7 แบบ” ที่ลูกน้องถวิลหา
- สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา : ผู้นำที่ดีควรสื่อสารอย่างจริงใจ จัดเตรียมช่องทางการสื่อสารที่เปิดกว้างสำหรับทีมงานนอกจากนั้นต้องรู้จักสื่อสารให้เหมาะสมกับลักษณะนิสัยใจคอของแต่ละคน
- เป็นผู้ฟังที่ดี : การฟังเป็นทักษะสำคัญของการสื่อสารที่มักถูกมองข้ามไป เมื่อหัวหน้าเปิดใจรับฟัง นอกจากจะได้ข้อมูลดีๆ จากทีมแล้ว ยังเป็นการสร้างบรรยากาศในการไว้อกไว้ใจ (Turst) ให้เกิดขึ้นในองค์กรอีกด้วย
- ส่งเสริมศักยภาพและเปิดโอกาสในการเติบโต : ผู้นำควรทำความรู้จักกับนิสัยใจคอ บุคลิก ความสนใจ งานอดิเรกจุดแข็ง จุดอ่อน ฯลฯ ของลูกทีมแต่ละคน เพราะเรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการทำงานทั้งสิ้น เมื่อเรารู้จักลูกน้องดีพอ ก็จะสามารถช่วยส่งเสริมให้เติบโตและบรรลุเป้าหมายได้อย่างถูกที่ถูกทาง
- สอนแต่ไม่ออกคำสั่ง : ภาวะผู้นำไม่ใช่การออกคำสั่งว่าใครต้องทำอะไร แต่หมายถึงการพัฒนาบุคคลนั้นๆ ให้สามารถทำงานได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้และสร้างสำเร็จได้ด้วยตัวเอง
- มีเป้าหมายที่ชัดเจน : เมื่อผู้นำสามารถกำหนดเป้าหมายได้อย่างชัดเจน ย่อมช่วยให้ทุกคนรู้ว่าต้องโฟกัสอะไร ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องใด เพื่อจะได้บรรลุผลลัพธ์ที่ดีที่สุดบนจุดมุ่งหมายเดียวกัน
- ติในเชิงสร้างสรรค์ ชมในสิ่งที่ทำได้ดี : โบราณว่า “ติเพื่อก่อ” ยังคงเป็นคาถาอมตะสำหรับหัวหน้างานทุกๆ คน การให้ Feedback ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง และที่สำคัญต้องปรับแต่งคำพูดให้ “ตรงแต่ไม่แรง” ในทางกลับกันเมื่อทำดีอย่าลืมกล่าวคำชมเชย เพื่อเป็นกำลังใจให้คนทำงาน
- พร้อมเปลี่ยนแปลง : เราไม่สามารถมองเห็นตัวเองได้ตลอดเวลา ฉะนั้นการรับฟังเสียงสะท้อนจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจากลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือลูกค้า และนำมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลง จงทำตัวเป็นคนที่พร้อมเรียนรู้ตลอดเวลาเพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน
อย่าลืมว่า … ความสำเร็จต้องผสมผสานระหว่าง “เก่งงาน“ กับ “เก่งคน” ให้พอเหมาะพอดีอย่างลงตัว