เกร็ดข่าวชาวออสเตรเลียเล่าว่า กลุ่ม Animal’s Rights ในออสเตรเลียเสนอว่า เขาควรจะมีสิทธิ์รับ “ท่านแมททิว” ซึ่งเป็น “ลิงชิมแพนซี” เอามาเลี้ยงเป็น “บุตรบุญธรรม” งานนี้ศาลงงเลยดิ กลุ่มนี้เขาให้เหตุผลว่า “ลิงชิมแพนซี เขามี DNA เหมือนกับมนุษย์ ระดับความเหมือนมันสุดแสนจะแลนด์สไลด์ มว้าก มว่าก ถึง 99.4% เพราะฉะนั้น น่าจะ ซ.ต.พ. รับรองกันเถอะว่าเป็นมนุษย์ได้”
ศาลก็แอบเป็นห่วงว่า ถ้ายก ลิงชิมแพนซี ขึ้นมาเป็นมะนุด ประเดี๋ยวปัญหาจะบานปลาย ลิงชิมแพนซี อาจจะนัวเข้าไปยกมือโหวตเลือกผู้นำประเทศ มันก็จะ เจี๊ยก เจี๊ยก กันไปใหญ่ (ฮา)
ศาลจึงหาทางออกบอกว่า “เคสนี้ไม่อนุญาตเด็ดขวด เพราะว่า เราไม่สามารถถาม ท่านแมททิว และ ท่านแมททิว ก็ไม่สามารถจะชี้แจงได้ว่า ท่านจะยินยอมเต็มใจไปเป็นลูกบุญธรรมตามคำขอรึเปล่า” (ฮา)
“การหัวเราะเป็นอัธยาศัยของมนุษย์ ” หมายเหตุ และ หมายหัว ให้ชัดเลยว่า “การหัวเราะเยาะเป็นอัธยาศัยของเวไนยสัตว์” (ฮา)
นักวิจัยพบความจริงว่า “ความเครียดทำให้สูญเสียความทรงจำ” เคยมีกรณีการแข่งขันกีฬาวิ่งมาราธอนในอังกฤษ “มีผู้เข้าเส้นชัยเพียงคนเดียว!” สะอื้นเศร้าเคล้าเสียงฮา เมื่อนักกีฬา 5 พันกว่าคนเขาเกิดอาการ “สติลัดวงจร” วิ่งตามนักกีฬาซึ่งวิ่งนำอยู่ในอันดับที่ 2 ไม่รู้กันเลยว่า กำลังเลี้ยวผิดเส้นทาง (ฮา)
ผศ.กรินเดอร์ ซิงห์ เบนส์ MD, PHD ผู้ประสานงานการวิจัยเบื้องต้น สำหรับ School of Allied Health ที่ Loma Linda University มีเอี่ยวทำวิจัยด้านอารมณ์ขัน ดร.มาร์ค รีฟส์ ก็ร่วมหนุนความคิดนี้ว่า “เมื่อเราหัวเราะ ฮอร์โมนความเครียด คอร์ติซอล จะลดลง ความจำระยะสั้นของเราจะดีขึ้น ทุกครั้งที่เราหัวเราะ สารเอ็นโดรฟินจะกระโจนออกมาบำรุงความสมดุลของอารมณ์”
ผลการวิจัยของ ม.แวนเดอร์บิลต์ ชี้ว่า เมื่อใดที่ได้ยินคนหัวเราะ สมองส่วน Premotor Cortical จะถูกกระตุ้น ซึ่งกระตุ้นเสียงหัวเราะในตัวเราด้วย การหัวเราะ 10 ถึง 15 นาที สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากถึง 40 แคลอรี่
ถ้าอัธยาศัยขำขันเป็นเรื่องไร้ประโยขน์ โลกใบนี้คงจะไม่มีการดำริจัดตั้ง “วันหัวเราะโลก” งานชุมนุมวันหัวเราะโลกครั้งแรกจัดขึ้นที่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย เมื่อ 11 มกราคม 2541 มีผู้เข้าร่วม ประมาณ 12,000 คน
อีกทั้งยังมี “อาฟเตอร์ฮา” เรียกว่า “Happy-Demic” คือ “ลักษณะความสุขซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับประชาชน” การเปล่งเสียงชวนโลกหัวเราะครั้งแรกครั้งนี้จัดฉลองกันนอกประเทศอินเดีย โดยใช้ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เมื่อ 9 มกราคม 2543 มีผู้เข้าร่วมงานราวๆ 10,000 คน เพื่อบันทึกความทรงจำฝากไว้กับ “Guinness Book of World Records”
ในโลกโซเชี่ยลส่งมุกยุคไหนก็ไม่ทราบออนไลน์เข้ามา ปกติการพูดจาของแม่ค้าในทำนองนี้ มักจะโดนรุมสอย นานๆ จะขำอร่อยคล้อยตามแม่ค้ากันสักครั้ง
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ลูกค้าสั่งการปรุงอาหารตามสั่งแบบยียวนว่า “ป้าๆ เอากะเพราไก่ไข่ดาวจานนึงครับ” แม่ค้าขานรับเสียงใสว่า “ได้จ้า รอสักครูฮิ” ลูกค้ากำชับซ้ำกันพลาดว่า “ไข่ดาว ขอแบบ วันพฤหัสตอน 5 ทุ่ม 59 นาที นะป้า” แม่ค้างงดิ ถามกลับมาว่า “ยังไง!” ลูกค้ายิ้มแล้วเฉลยว่า “ไข่เกือบสุกนะสิป้า” แม่ค้าค้อนควับบอกกับลูกค้าทันควันว่า “ รับใต้โต้ะได้เลยจ้า” ลูกค้าถามย้ำป้าว่า “กะเพราไก่ไข่ดาวนะป้า” แม่ค้าสวนคืนมาเต็มแม็กว่า “ตีนกูเนี่ยแหละ” (ฮา)
การปรับสมดุลให้ดีทั้ง 4 จุด คือ 1 อาหาร 2 อุตุ 3 จิต และ 4 นวกรรม ขอวกมาย้ำการปรับสมดุลจิตให้รู้จักสรรหาความแจ่มใสเอามาใส่ไว้ในใจ
ทางเลือกที่ง่ายที่สุด คือ “เสพความฮาให้ยิ่งกว่าเสพความเซ็ง” หลังจากฮากันเข้าที่เข้าทางก็หันมาล้างใจให้ผ่องใสกว่าชายหาดฟูนมูล (ฮา) จัดหา สติปัญญาชุดใหม่ มาจัดวางแทนมุกฮาเหมือนกับ เตี่ย กับ อาตี๋ คู่นี้ จะดีไม่ใช่น้อย
นายโจว งงว่า ทำไมลูกชายวัย 8 ขวบ ปล่อยให้เกรดมันตกฮวบผิดปกติ เตี่ยก็ตั้งท่าจะติก่อนจะเปิดปก ด้วยความฉุนจุกอกก็บุกไปแอบส่องจากนอกห้องเรียนโดยไม่บอกล่วงหน้า
แต่แล้ว...เหมือนเทวดาปั้นแต่ง แอบเหล่ในห้องใจพ่อเต้นแรง ลูกชายไล่แจกลูกอมเขียวแดง ใครยังไม่ได้ก็เอามาแบ่ง คุณพ่อหน้าแดง โอ้ลูกพ่อเอ๋ย เจอซีนนี้เข้าไปเต็มๆ พ่อรีบกลับลำเปล่งวาทกรรมเขย่าโลกในบัดดลว่า
“เด็กเขาผิดพลาดในการตอบข้อสอบ ไม่ได้ทำชั่วอะไร การมีค่านิยมที่ดีในชีวิต สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด”
ถ้ายังปลงไม่ตกก็วกมาฮามันไปพลางๆ.…
กลุ่มผมเคยทำรายการ “The Talk” ออนแอร์ทาง TV ช่อง 9 อสมท. หลังจากแซวสังคมเอาไว้หลายดอก ไม่ช้าไม่นานผมก็โดนกรรมตามมาสนอง ผมไปอ่านเจอคนเขาคอมเมนท์เอาไว้น่ารักน่ากอดว่า“อีก 20 ปี ข้างหน้า อสมท. จะยุบรายการ The Talk มูลเหตุเป็นเพราะนักพูดทั้งก๊วนสื่อสารไม่รู้เรื่อง เนื่องจากพวกเขาเคี้ยวหมากไปพูดไป” (ฮา) เอาดาวไป 5 ดวง ควงคะแนนไป 10 แต้มเลยนะจ๊ะพ่อคุณ