อดีตเลขา ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้มีนิคเนมว่า ก๊วยเจ๋ง เคยเล่าให้ฟังว่า ท่านคึกฤทธิ์ จะเข้ามานั่งคิดนั่งเขียน คอลัมน์ซอยสวนพลู อยู่ในห้องส่วนตัว ของสำนักงานหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ทุกเช้า
หน้าที่หลักของ ก๊วยเจ๋ง คือ จัดเตรียมหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเอาไปตั้งไว้บนโต๊ะในห้องทุกวัน ก็มีอยู่วันหนึ่ง ท่านคึกฤทธิ์ อ้าปากตะโกนเสียงดังสนั่นลั่นโลกว่า “เฮ้ย! มึงไม่ให้กูกินแล้วกูจะเอาอะไรไปขี้วะ?” (ฮา) ที่มาของวาทกรรมนี้เกิดขึ้นจากเหตุที่ ก๊วยเจ๋ง เขาลืม ภาระที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ได้เอาหนังสือพิมพ์หนึ่งปึกนั้นไปประเคนไว้บนโต๊ะ
เป็นการตำหนิกึ่งเทียบเคียงเชิงอุปมาว่า ข้อมูลในหนังสือพิมพ์ คือ อาหาร และ บทความ คอลัมน์ ซอยสวนพลูคือ อุนจิ อะไรประมาณนั้น
เล่าซีนดราม่า ท่านคึกฤทธิ์ ก็หวนคิดถึง “มุมมองเสมือนจริง” (ฉากทัศน์) ของ ดร.สุขุม นวลสกุล
ท่านแฉให้ผมฟังว่า นักศึกษา ปีที่ 2 ของ มหาวิทยาลัยริมน้ำ เชิญผมไปพูดให้ สมาชิกของชมรมโต้วาที มาฟังเรื่อง ศิลปะการโต้วาที นัดคิวให้ผมเริ่มพูด เวลา 17.00 น. ผมไปถึงหน้าห้องประชุม เวลา 16.30 น. ประตูห้องยังล็อคกุญแจอยู่เลย
ผมนั่งรออยู่นาน กรรมการชมรมโผล่มาไขกุญแจ เวลา 17.15 น. เขาหันมาทักผมว่า “สวัสดีครับ จานมาเร็วจัง!” ว่าแล้วก็มุดหายเข้าไปจัดสถานที่ในห้อง
หลังจากจัดสถานที่เสร็จเขาโทรมาถามว่า “จานอยู่ไหนครับเนี่ย?” ผมบอกเขาว่า “คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมกลับมาถึงบ้านแล้ว” (ฮา)
บทเรียนดอกนี้มีราคา ถ้ารุ่นพี่จะดัดนิสัยรุ่นน้องด้วยการเชิญ ดร.สุขุม นวลสกุล ไปสอนมวยแบบนี้ทุกชมรม อนุชนในมหาวิทยาลัยจะเป็น “เด็กกิจกรรม ระดับมืออาชีพ” จะเชิญใครเข้าไปก็คงจะไม่มีใครปฏิเสธ
ผมว่า ผู้นำนักศึกษาไปขอแกรมมี่แปลงเพลงจาก “สบาย สบาย ถูกใจก็คบกันไป เพราะฉันเป็นคนไม่สนอะไร...!” ปรับเป็น “เอาจริง เอาจริง อย่าทิ้งหน้าที่กันไป เราต้องเป็นคน สนใจวินัย...!” (ฮา) รับประกันว่า... ดีฮิ!
หลายคราวที่มีข่าวพาดหัวในทำนองที่ว่า โรงงานเก๊กซิม ปิดทำการเงียบกริบ โดนหุ้นส่วนยักยอกเงินไป 500 ล้าน มีแนวโน้มว่าจะชักดาบไม่จ่ายเงินเดือนพนักงาน เห็นใจน่ะเห็นใจ แต่ทว่า มันน่าเสียดายที่ทิ้งลายความเป็นมืออาชีพ เนื่องจาก “มืออาชีพ” จะต้อง “รับทราบทุกสิ่งที่ตนต้องรับผิดชอบ” คือ รู้แล้วอย่าเฉยไว้ “ผู้บริหารมืออาชีพ” อย่าง คุณเทียม โชควัฒนา เป็นเศรษฐีที่ไม่มีรอยด่างพร้อยในการตัดช่องน้อยแต่พอตัว
ท่านคุยกับผู้ร่วมงานเอาไว้เฉียบจริงๆว่า “ทะเลกว้างใหญ่ไพศาลแต่เรือสองลำก็ยังวนมาเจอกันได้อีก”
หลายสิบปีก่อนท่านเคยโดน “สหายนะ” แอบยักเงินไปก้อนใหญ่ เล่นเอาหัวใจผู้ร่วมงานเต้นแทงโก้กันสุดสวิง คุณเทียม ไม่ทิ้ง ไม่รอ ไม่หลบ นัดทุกคนมาพบกันในห้องประชุมใหญ่ ท่านเดินขึ้นไปคว้าไมค์หน้าเวทียกมือไหว้สวัสดี แล้วท่านก็แอ่นอกรับผิดชอบ สารภาพแบบโปร่งใสตาม “ระบอบมืออาชีพ” โดยพลันว่า “ขอโทษทุกคนที่ผมไว้ใจเพื่อนมากไปจนทำให้พวกเราไม่สบายใจ ที่สื่อเขาเอาไปตีข่าวว่า เพื่อนผมเขาเอาเงินของเราไปโดยมิชอบ ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง” (เงียบกริบ!)
ท่านเล่าต่อว่า “สำหรับข่าวลือที่ว่าผมจะลอยแพผู้ร่วมงาน ผมยืนยันว่า…ไม่จริง จะไม่มีใครใน สหพัฒนพิบูลย์ ตกงาน แม้แต่คนเดียว!” (ฮือกันทั้งห้อง!)
ท่านพูดขึงขังย้ำต่อว่า “สำหรับโบนัส ทุกคนจะได้รับสามเดือนตามที่ตกลงกันไว้” (ลุกขึ้นปรบมือสนั่นห้อง!) โองการซื้อใจท้ายสุดสะกดจิตสนิทสุด ล่าสุดผมให้ฝ่ายการเงินเช็คยอดเงินทุกธนาคาร สืบราคาที่ดินทุกแปลง ที่เรามีอยู่ว่าจะขายได้กี่ตังค์ คำนวณสรุปผลกันถี่ถ้วนแล้ว เราจะอยู่ได้อีกไม่น้อยกว่า 5 ปี เราจะอยู่ได้ยาวนานกว่านั้น ถ้าร่วมกันฟื้นฟูรายได้ จะมีใครสะดวกใจร่วมกันสู้กับผมบ้าง (ทั้งห้องปรบมือยาวนานไม่ยอมหยุด!)
5 พ.ย. 2540 ข่าวอื้ออึงว่า โตโยต้า จะลอยแพพนักงาน 5,500 คน เช้า 6 พ.ย. 2540 เลขานุการส่วนพระองค์ โทรศัพท์พูดคุยกับ ท่าน รอง ปธ.กรรมการ บ. โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จก. คุณนินนาน ไชยธีรภิญโญ ว่า ในหลวง ทรงมีพระราชประสงค์จะสั่งซื้อ โตโยต้าโชลูน่า 1 คัน ขอให้พนักงานใช้มือทำ ไม่ต้องใช้เครื่องจักร ไม่ต้องเร่งรีบ พนักงานจะได้มีงานทำนานๆ!
รถคันนั้นนำไปถวายในหลวง ในเดือน ธ.ค. 2540 พระองค์ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นเช็คเงินสด 600,000 บาท ในหลวง พระราชทานแนวพระราชดำริ ให้ โตโยต้า ไปตั้งโรงสีข้าวช่วยชาวนา เวลาเก็บข้าวในยุ้งฉางก็เสียหายและถูกขโมย สีเป็นข้าวสารก็ขายไปไม่ได้ราคา โตโยต้า บริหารจัดการเก่งควรตั้งโรงสีข้าวเป็นตัวอย่าง เมื่อสีข้าวแล้วให้ขายในราคาสวัสดิการให้แก่พนักงา ผลพลอยได้ เช่น แกลบ รำ ขายให้กับเกษตรกรชุมชนที่เลี้ยงหมู เรื่องนี้เป็นที่มาของ บ. ข้าวรัชมงคล จก.
ในหลวง ร.9 ตรัสว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ท่านตรัสแล้วก็ทรงทำตามสัญญา ขอเดชะฯ ผมขอพระราชทานพระราชาณุญาตที่จะถวายความศรัทธาพระองค์ท่านว่า ในหลวง ร.9 ทรงเป็น “อภิมหาโอฬารบรรทัดฐานมืออาชีพ” ที่คนไทยควรดูไว้เป็น “คู่มือ:มืออาชีพ!”