หน้าหนาวนี้เที่ยวเชียงใหม่ถือว่าฮ้อตสุดแล้วในเวลานี้ มาแล้วต้องไม่พลาดไปเยือนแลนด์มาร์คใหม่ “คลองแม่ข่า” จุดปักหมุด กิน ช้อป เที่ยว ฟิลเหมือนอยู่ญี่ปุ่น สไตล์เดินเที่ยวชิลล์ๆบรรยากาศประมาณยก “โอตารุ” มาไว้ที่นี่ ให้ถ่ายรูปกันได้สวยๆเก๋ๆในแบบมินิมอล
ใครเคยไปเยือนเมืองโอตารุ เมืองท่าเล็กๆ บนชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นในจังหวัดฮอกไกโด ติดกับเมืองซัปโปโร ของญี่ปุ่นกันมาบ้างแล้ว
คงนึกภาพออกถึงความน่ารักของเมืองเล็กๆแห่งนี้ ที่มีคลองผ่านกลางเมือง มีทางเดินเลียบคลอง สองข้างทางเป็นอาคารและโกดังเก่าแก่ยุควิคทอเรีย ที่ถูกปรับเป็นร้านค้าและร้านอาหาร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมือง
ฟิลลิ่งแบบนี้เราสัมผัสได้ ณ “คลองแม่ข่า” จ.เชียงใหม่ ด้วยโลเกชั่นของบ้านเรือน หลายหลังเรียงรายสองฝั่งคลอง ได้ถูกพลิกโฉมจากคลองน้ำเน่า บำบัดน้ำ และปรับภูมิทัศน์ใหม่ ให้กลายเป็นคลองสวยน้ำใส จนขึ้นชื่อว่าเป็นจุดเช็คอินใหม่เมื่อมาเที่ยวเชียงใหม่ไปแล้ว
ทั้งยังทำให้คลองโบราณแห่งนี้ ซึ่งมีต้นน้ำเริ่มจากอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่เคยทำหน้าที่เป็นคูเมืองชั้นนอกโอบล้อมเมือง
ทั้งยังเป็นทางระบายน้ำล้นลงสู่แม่น้ำปิง ซึ่งเป็นหนึ่งในชัยภูมิที่ “พญามังราย” ทรงเลือกที่จะสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1839 หรือกว่า 720 ปีก่อน ฟื้นความเป็นคลองสายประวัติศาสตร์ให้กลับมามีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
การเดินทางจากประตูเชียงใหม่หรือประตูท่าแพ ประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะถึงคลองแม่ข่า ด้วยความที่คลองอยู่ใจกลางเชียงใหม่ แถวถนนช้างคลาน จึงเดินทางจากในตัวเมืองได้สะดวก จะเดินมาหรือเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็มีจุดจอดรถไว้บริการ
คลองสายเล็กๆระยะทางประมาณ 750 เมตร ที่ถูกปรับโฉมใหม่ให้ดูสะอาดตา ก่อซีรีนคอนกรีตบล็อค เรียงรายรอบลำคลองจนคล้ายกับคลองโอตารุ ที่ญี่ปุ่น
ทั้งคนในชุมชนยังปรับเปลี่ยนบ้าน ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ให้ออกมาคล้ายแนวญี่ปุ่น ปลูกดอกไม้ ต้นไม้ พืชผักสวนครัว แซมๆอยู่โดยรอบ จนนึกว่าเรากำลังเดินเล่นอยู่ในย่านหมู่บ้านโบราณญี่ปุ่น ในแบบมินิมอล กันเลย
ชอบมากเลยกับการเดินชิลล์สองฝั่งคลอง ชมร้านขายสินค้าที่ระลึก ร้านขายเครื่องดื่ม ร้านกาแฟ อาหารทานเล่น ซึ่งส่วนใหญ่ตกแต่ง ปุ๊กปิ๊กน่ารัก คุมโทนสไตล์ญี่ปุ่น ไม่หลุดธีม ทั้งระหว่างทางก็ยังมีการเพ้นท์ลวดลายกำแพงผนังแบบกราฟฟิตี้ ให้ต้องหยุดแวะถ่ายภาพรัวๆ กันอีกด้วย
ที่นี่มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ไปจนถึงบาร์เก๋ๆ น่านั่งอยู่หลายร้านเลย ไม่ว่าจะเป็น “Slow bar on the way” เมนูเครื่องดื่มร้อน-เย็น ของร้านมีทั้งภาษาญี่ปุ่นและญี่ปุ่น มาเลยจ๊ะ ลาเต้ คาปูชิโน อเมริกาโน่ เอสเพรสโซ่ ชาเขียว และอีกหลายเมนู ราคาน่ารักมากแก้วละ 25-30 บาท ถือเป็นหนึ่งในจุดเช็คอิน ในคลองแม่ข่า
“ร้านมักนม” ชื่อเก๋มาก ตกแต่งน่ารักเปิดขายนมอุ่นๆในช่วงเย็น ร้าน “ริมคลองแม่ข่า” ก็เป็นจุดให้เรานั่งกินกาแฟ-ชา ชมคลองดื่มด่ำบรรยากาศดีๆ
ไปจนถึงร้านในสไตล์บาร์เก๋ๆนั่งเล่นทานอาหารและเครื่องดื่ม อย่าง “ร้านบาร์ริมคลอง”
หรือจะกินหมูกะทะ น้ำจิ้มสุดแซ่บ ก็แวะไปที่ “ร้าน OTARU” ที่มีหมูกระทะย่างให้พร้อมทาน “ร้าน YAKITORI” ที่ขายอาหารปิ้ง ทอด ได้ใจคนไทยอย่าง หนังไก่ ตับไก่ เนื้อไก่
จุดเด่นในคลองแม่ข่า คือ “สะพานเหลืองแบบญี่ปุ่น” ประดับด้วยโคมล้านนา ใครมาที่นี่ไม่ขึ้นไปถ่ายรูปบนสะพานถือว่ายังมาไม่ถึงที่นี่ ก็จะเห็นคนรอต่อคิวถ่ายรูปอยู่เป็นระยะๆ
ใกล้ๆกับสะพาน ยังเป็นที่ตั้งของ “ร้าน Lamchang” ซึ่งพ่อค้าแต่งชุดญี่ปุ่นจัดเต็ม ยืนขายขนมโมจิใส ขนมดังโงะ ขนมโมจิ และไดฟูกุ หน้าตาน่าทานสุดๆ ซึ่งมีมุมน่ารักให้นั่งทานขนมกัน ร้านนี้สายขนม โดยเฉพาะเด็กๆ ชอบมากเป็นพิเศษ
ร้านไอศกรีมก็มีนะเสิร์ฟมาพร้อมโคนเหมือนญี่ปุ่นเลย ชื่อ “ร้าน IKATI KHLONG MAE KHA” ซื้อไอศกรีมแล้วต้องถือถ่ายรูปคู่กับทิวทัศน์ของคลองแม่ข่า คือใช่เลย
นอกจากยังมีอีกหลายร้านเก๋อีกหลายแห่งรอบสองฝั่งคลองที่รอให้คุณไปค้นหา
ระหว่างทางเดินก็ยังมีสินค้าที่ระลึกของเมืองเชียงใหม่ วางขายอยู่เป็นระยะๆ อย่าง กระเป๋า เสื้อผ้า ผ้าพันคอ เครื่องแต่งกายแบบชนเผ่า ซึ่งเป็นสินค้าที่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชน
ส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าอาข่า ลาหู่ จีนฮ่อ ซึ่งอยู่มาแต่ดั้งเดิมและสืบทอดมาถึงลูกหลานจึงนำเอาวิถีชีวิตของชนเผ่าตัวเองรวมทั้งวัฒนธรรมการแต่งกายมาขายในราคาไม่แพง
มาที่นี่แนะนำให้มาช่วงประมาณ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป จะได้ไม่ร้อนและได้บรรยากาศแสงที่เหมาะกับการถ่ายรูปสวยๆ ถูกใจขาฮิป แต่ถ้ามาช่วงอาทิตย์ตกไปแล้ว ก็จะได้สีสันจากแสงไฟ ซึ่งก็ได้อีกฟิล ยิ่งถ้ามาวันเสาร์-อาทิตย์ ร้านค้าต่างๆก็จะเปิดเยอะหน่อย
แวะมาเที่ยวกันรับรอง ถูกใจขาฮิป สายแชะ ต้องแวะมาปักหมุดเช็คอิน อัพรูปเก๋ๆลงโซเชี่ยลกันแบบรัวๆ
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,849 วันที่ 1 - 4 มกราคม พ.ศ. 2566