เที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวการไปเที่ยวฮอกไกโด คือ ฟินขั้นสุด ถ้าจะเที่ยวให้คุ้ม วันเดินทางแนะนำให้จองตั๋วเครื่องบินไฟลท์ดึกสุดไปเลย เพราะบินไปถึงสนามบินนานาชาติชิโตเสะ ก็เช้าพอดี พร้อมเที่ยวต่อกันได้ทันที จากสนามบินเรามุ่งหน้าสู่ “ เมืองโนโบริเบ็ทสึ” (Noboribetsu) เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำแร่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮอกไกโด และน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ถูกจัดว่าดีที่สุดในญี่ปุ่น
เราปักหมุดแรกกันที่ “หมู่บ้านดาเตะ จิไดมุระ” (Noboribetsu Date Jidaimura) ย้อนกลับไปประมาณ 400 ปี ไปพบกับยุคโอโดะ สัมผัสหมู่บ้านที่จำลองวิถีชีวิตของชาวเอโดะสมัยโบราณ
หิมะขาวโพรน ปกคลุมบ้านเมืองที่เรียงรายไปด้วย ร้านค้า บ้านซามูไร บ้านนินจา หอสังเกตการณ์ โรงละคร วัด ซึ่งคนในหมู่บ้านพร๊อพจัดเต็มมาก เสมือนอยู่ในยุคญี่ปุ่นโบราณ
มาที่นี่มีจุดให้เดินเที่ยวมากถึง 20 จุดให้เราได้เดินหนาวๆถ่ายรูป ช้อป ชิมร้านขายสินค้าที่ระลึกและขนมต่างๆ
รวมถึงชมการแสดงในหมู่บ้านที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โชว์โออิรัน ในโรงละครวัฒนธรรมญี่ปุ่น โชว์นินจา ที่จะมาเปิดฉากการต่อสู้อย่างดุเดือด และที่นี่ยังมีมุมลึกลับน่าค้นหาหลายจุด อาทิ วัดแมวผี ปลายทางของแมวสีทองที่กวักมือเรียก กลับกลายร่างเป็นแมวผี และเปลี่ยนเป็นคฤหาสน์ผีสิง
ด้วยความท่ี่เมืองนี้เป็นเมืองขึ้นชื่อเรื่องน้ำแร่ ต้องไม่พลาดกับการมาเยือนแหล่งต้นน้ำ กันที่ “หุบเขานรกจิโงคุดานิ” หรือมีอีกชื่อหนึ่งที่ได้รับการขนานนามว่า “Hell Valley” ตั้งอยู่เหนือย่านบ่อน้ำร้อนโนโบริเบทสึ ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำของย่านบ่อน้ำร้อนโบริเบทสึ และจะมีเส้นทางตามหุบเขาให้เราสามารถเดินไต่ขึ้นเนินไปเรื่อยๆประมาณ 20-30 นาที ก็จะเป็นบ่อโอยุนุมะ ซึ่งบ่อนี้เป็นบ่อน้ำร้อนกำมะถัน อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส คนชื่นชอบการผจญภัยแบบเบาๆน่าจะชอบที่นี่ไม่น้อย
หุบเขาที่มีไอร้อนพวยพุ่งกำมะถันออกมา ท่ามกลางหิมะขาวๆรายล้อมอยู่ ได้วิวทิวทัศน์สวยขั้นสุด
เมื่อมาเมืองนี้อย่าพลาด “ออนเซ็น” ค่ำคืนนี้เราพักกันที่ Toya Sun Palace Resort & Spa โรงแรมระดับ 4 ดาว เราสามารถออนเซ็น อาบน้ำแร่ธรรมชาติ ผ่อนคลายได้อย่างแท้จริง เลือดลมสูบฉีดดีเลย ออนเซ็นโรงแรมแยกหญิง-ชาย มีทั้งพื้นที่อินดอร์และเอ้าท์ดอร์
โอโห! แช่ออนเซ็นต์เอ้าท์ดอร์กลางคืนแทบจะคว้าดาว ขณะที่แช่ช่วงเช้าบ่อน้ำร้อนปะทะอากาศหนาว ท่ามกลางวิวภูเขาหิมะเบื้องหน้า บอกเลยว่าฟินอ่ะ และที่ดีสุดๆคือ ในแต่ละบ่อน้ำแร่ จะมีจากุชี่ บ่อน้ำร้อน น้ำเย็น รวมถึงพื้นที่ซาวน่าด้วย ไม่รอล่ะจัดไป แช่กันทั้งเช้า และก่อนนอนไปเลย
เริ่มเช้าวันใหม่ วันนี้จัดเต็มที่เที่ยวหิมะเต็มๆ เริ่มจากการชม “ภูเขาไฟโชวะชินซัน” จัดว่าเป็นภูเขาไฟเกิดขี้นใหม่ของฮอกไกโด ประมาณปี ค.ศ 1944-1946 ปะทุติดต่อกันนานถึง 2 ปี จนกลายมาเป็นภูเขาโชวะในปัจจุบัน ไม่ธรรมดาตรงที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นภูเขาไฟที่มีอายุน้อยที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยความที่ภูเขาไฟแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาไปอุสุ ทำให้เราสามารถมองเห็นภูเขาไฟได้จากจุดชมวิวภูเขาไฟอุสุ โดยการขึ้นกระเช้าอุสุซัง
เรานั่ง “กระเช้าอุสุซัง” ขึ้นสู่ยอดเขาไฟอุสุมี ขึ้นไปชมวิว “ทะเลสาบโทยะ” เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่รูปวงกลม เกิดจากปากปล่องภูเขาไฟ ที่มีเส้นรอบวงราว 40 กิโลเมตร ความพิเศษคือ หน้าหนาว น้ำไม่แข็งตัว หน้าร้อน ก็มีอากาศเย็นสบาย ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดชมวิวทะเลสาบแห่งนี้ ได้รับความนิยมมาก
เพราะสามารถมองเห็นทุกแลนด์มาร์กแบบพาโนราม่า ไม่ว่าจะเป็นตัวทะเลสาบโทยะ เกาะนากาจิมะ ภูเขาไฟอุ ตะซัง และภูเขาไฟโชวะชินชัง เล่นเอาเราอดใจไม่ไหวคลุกตัวในหิมะถ่ายรูปเลิศๆกันไปเลย
แล้วก็ถึงเวลาแห่งสนุก เราเดินทางต่อไปยัง “รุซุสึรีสอร์ท” รีสอร์ทที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดช่วงหน้าหนาว เล่นหิมะ สนุกสนานกับการเล่น “ทูบ” ซึ่งเป็นแผ่นยางวงกลมที่จะนำเราสไลด์ลงมาบนทางลาดชันที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน เล่นกันไปหลายรอบมากขอบอก
ก่อนปิดท้ายค่ำคืนนี้กันที่ “เมืองโอตารุ” เมืองท่าเล็กๆ แต่โรแมนติกของเกาะฮอกไกโด ชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น ภายในเมืองโอตารุ มีอาคารและโกดังเก่าแก่ในสไตล์ตะวันตกแบบวิคตอเรียนที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อยู่หลายแห่ง ทำให้บรรยากาศเหมือนมาเที่ยวยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณเลียบ “คลองโอตารุ” เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองแห่งนี้
เริ่มเช้าวันใหม่ กับการเดินเที่ยว “คลองโอตารุ” เป็นคลองที่มีความสวยงามซึ่งไหลผ่านกลางเมืองโอตารุ เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองในทุกฤดูกาล มีความยาว 1,140 เมตร และเชื่อมกับอ่าวโอตารุ ซึ่งในสมัยก่อนประมาณ ค.ศ. 1920 ที่ยุคอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือเฟื่องฟู
คลองแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นเส้นทางในการขนส่งสินค้าจากคลังสินค้าในตัวเมืองโอตารุ ออกไปยังท่าเรือ บริเวณปากอ่าว บรรยากาศหนาวๆยามหิมะปกคลุมทางเดิน เสริมให้อาคารโกดังที่เก่าแก่ที่สร้างจากอิฐ เป็นแนวยาวไปตามริมคลอง ที่ปัจจุบันแปรสภาพเป็นร้านอาหาร ได้วิวทิวทัศน์ที่แสนจะโรแมนติก
จากนั้นเรามุ่งหน้าต่อไปยัง “พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ” เป็นหนึ่งในร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดของพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีในญี่ปุ่น ตัวอาคารมีความเก่าแก่สวยงาม และถือเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมือง ด้านหน้ามี “นาฬิกาไอน้ำโบราณ” สไตล์อังกฤษ ที่เหลืออยู่เพียง 2 เรือน บนโลกเท่านั้นที่วิ่ง เป็นของขวัญจากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศซแคนาดา ที่มอบให้กับเมืองโอตารุ นาฬิกาจะมีเสียงดนตรีดังขึ้นทุก 15 นาที และจะพ่นไอน้ำออกมาทุกๆชั่วโมง เหมือนกับนาฬิกาไอน้ำอีกเรือนที่ลอนดอน
ไหนๆ มาฮอกไกโดต้องไปเยือนบ้านเกิดคุกกี้ของฝากชื่อดังผจญภัยไปในโลกแห่งช็อกโกแลต ณ โรงงานช็อกโกแลตฮอกไกโด “Shiroi Koibito park” ขนมของฝากยอดฮิตจากฮอกไกโดนี้ผลิตโดยบริษัท Ishiya คุกกี้แผ่นบางกรุบกรอบประกบไวท์ช็อกโกแลตหวานละมุน
นอกจากสูตรคลาสสิคแล้ว ก็มีรสมชาติใหม่ๆมากมาย ด้วยรสชาติที่อร่อยเป็นเอกลักษณ์จึงได้รับความนิยมมายาวนานกว่า 40 ปี ซึ่งในโรงงานเราจะเห็นขั้นตอนการผลิตช็อกโกแลตที่สื่อออกมาน่ารักมากๆ
แล้วก็ถึงเวลาปิดท้ายค่ำคืนสุดท้ายในฮอกไกโด ด้วยการมุ่งหน้าสู่ “เมืองซัปโปโร” ไฮไลต์ที่สายมูต้องมา คือ “ศาลเจ้าฮอกไกโด” ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองซัปโปโร เป็นศาลเจ้าศาสนาพุทธนิกายชินโต จัดว่าเป็นศาลเจ้าที่มีความเก่าแก่แห่งหนึ่งในเกาะฮอกไกโด ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1871
ปัจจุบันก็ยังคงมีความเกี่ยวข้องผูกพันกับวิถีชีวิตของชาวฮอกไกโดอย่างลึกซึ้ง เริ่มตั้งแต่การมาสักการะในวันปีใหม่ การปัดเป่ารังควาญ วันเซ็ตสึบุน พิธีสมรสและอื่นๆ ในเขตศาลเจ้ามีความเป็นธรรมชาติ อุดมสมบูรณ์ มีกระรอกป่ามาเยี่ยมทักทาย หลบหนาว
มาที่นี่แนะนำร้านอาหาร “Seafood Buffet NANDA” สายกินบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง ฟินมาก ไลน์บุฟเฟ่ต์มีสารพัด เนื้อนานาชนิด กุ้ง หอย ปลา ไปจนถึงสารพัดปูนานาชนิด อย่าง ขาปูยักษ์ เพียบ ใครชอบทานอะไรเลือกหยิบมาปิ้งย่างกันได้เลย ราคาหัวละ 3 พันกว่าบาทรวมเครื่องดื่ม มีแอลกอฮอล์ด้วย กินไม่อั้น คุ้มมากๆ
เช้านี้ที่ ซัปโปโร เราต่อด้วยการตะลุย “ตลาดปลานิโจ” เป็นตลาดสดที่คักคัก นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและต่างชาติ ไปเยือนมากมาก ที่นี่นอกจากขายนอาหารทะเลสด ขายผักและผลไม้แล้ว ที่นี่ก็ยังมีร้านขายของฝาก ร้านอาหารต่างๆซึ่งเป็นหนึ่งในเสน่ห์ของตลาดนิโจ เราเพลินเพลินได้กับหลายสิ่ง มีร้านอาหารปลาดิบ ซูชิ กันได้หลายร้านในตลาดปลาเลือกร้านกันได้ตามชอบ
มาซัปโปโร พลาดได้ไงกับ “พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร” ซึ่งฮอกไกโด ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตเบียร์ครั้งแรกของประเทศญี่ปุ่น เมืองซัปโปโร จึงเป็นแหล่งผลิตที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นยี่ห้อที่นิยมที่สุดในประเทศ ซึ่งมีการกลั่นเบียร์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1877 มาจนถึงปัจจุบัน และยังส่งออกไปทั่วโลกอีกด้วย
ที่นี่จึงถือเป็นแหล่งที่เราจะสามารถเรียนรู้ถึงสินค้าที่มีชื่อเสียงที่ไม่ได้โด่งดังแค่ระดับประเทศเท่านั้น แต่แบรนด์เบียร์ของฮอกไกโดนี้ยังมีชื่อเสียงดังไกลระดับโลกอีกด้วย ต้องแวะจิ๊บเบียร์นี้เสียหน่อย
ส่วนใครกำลังมองหาแหล่งช้อปปิ้ง แนะนำ “ย่านทานุกิโคจิ” เป็นหนึ่งในถนนคนเดินที่เก่าแก่ที่สุดในฮอกไกโด สร้างในปี ค.ศ.1873 และมีประวัติศาสตร์กว่า 150 ปี เป็นถนนคนเดินที่ใหญ่ที่สุดสายหนึ่ง มีหลังคาคลุม 7 บล็อค และมีร้านค้าเรียงรายกว่า 200 ร้านเรียงรายอยู่บนทางเดินยาวกว่า 900 เมตร สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านขายสินค้ามากมายกว่า 100 ร้าน ทั้งร้านขนม อาหาร ยา เสื้อผ้า รองเท้า ABC Mart รวมไปถึงร้านดองกี้ (Don Quijote) ที่ฮ้อตฮิตของคนไทย
ปิดทริปค่ำคืนสุดท้ายในฮอกไกโดในแบบจัดเต็ม ขนาดกลับมาแล้วยังมูฟออนจากวิวที่เราได้ไปสัมผัสไม่ได้เลย