“วันฮาโลวีน 2567” หรือ คืนปล่อยผี มีที่มาจากความเชื่อของชาวเคลต์โบราณที่อาศัยอยู่ในบริเวณยุโรปตะวันตกและกลาง โดยพวกเขาเชื่อว่าวันที่ 31 ตุลาคม เป็นวันสิ้นสุดของปี และเป็นวันที่โลกของคนเป็นและโลกของวิญญาณเชื่อมต่อกัน ทำให้วิญญาณของผู้ตายสามารถกลับมาเดินดินได้
ที่มาของคำว่า “ฮาโลวีน” หรือ “Hallows” มาจากคำว่า “All Hallows' Eve” แปลว่า “วันก่อนวันเฉลิมฉลองนักบุญทั้งหลาย” แต่ปัจจุบันวันฮาโลวีนไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มคนที่นับถือศาสนาคริสต์อีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็นเทศกาลที่คนทุกเพศทุกวัยทั่วโลกมาร่วมสนุกกัน
ตำนาน “ผีฟักทอง” ที่เราเห็นกันในวันฮาโลวีนนั้น มีที่มาจากเรื่องราวของชายคนหนึ่งชื่อ แจ็ค โอแลนเทิร์น ชายผู้นี้มีเล่ห์เหลี่ยมและความฉลาดแกมโกง เขาเคยหลอกล่อปิศาจมาแล้วหลายครั้ง จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาที่เขาต้องจากโลกนี้ไป แจ็คก็ไม่สามารถไปสวรรค์หรือลงนรกได้ เนื่องจากการกระทำในอดีตของเขา
เพื่อเป็นการลงโทษ ปิศาจจึงมอบถ่านไฟให้แจ็ค เพื่อให้เขาใช้ส่องทางในความมืดมิด แจ็คได้นำถ่านไฟนั้นไปใส่ไว้ในหัวผักกาดที่คว้านไส้ออก จนกลายเป็นโคมไฟดวงเล็ก ๆ ติดตัวไปทุกหนทุกแห่ง
ต่อมา ชาวไอริชได้นำเรื่องราวของแจ็คมาเล่าขาน และได้ดัดแปลงโดยใช้ “ฟักทอง” แทน “หัวผักกาด” เพราะฟักทองมีขนาดใหญ่และเปลือกหนากว่า ทำให้สามารถเก็บรักษาไฟได้นานขึ้น นอกจากนี้ ฟักทองยังเป็นพืชที่ปลูกกันมากในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับวันฮาโลวีนอีกด้วย
ด้วยความเชื่อที่ว่าแสงไฟจากฟักทองสามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้ ผู้คนจึงนำฟักทองมาแกะสลักเป็นหน้าตาที่น่ากลัว เพื่อเป็นการขู่ผีและภูตผีปีศาจไม่ให้เข้ามาใกล้บ้านเรือนของตนเอง และเพื่อเป็นการระลึกถึงเรื่องราวของแจ็ค โอแลนเทิร์น ในคืนวันฮาโลวีน
จากความเชื่อเรื่องผีและภูตผีปีศาจในอดีต ได้กลายมาเป็นเทศกาลฮาโลวีนในปัจจุบัน ยังมีเรื่องราวที่ชวนให้ติดตามอีกมากมาย ส่วนตอนต่อไปจะเป็นเรื่องอะไร ... ติดตามได้เร็วๆนี้.