จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นับเป็นหนึ่งในเมืองที่มีเอกลักษณ์ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรม และอาหารการกิน โดยเฉพาะเอกลักษณ์ด้านอาหาร หลังจากเพชรบุรี ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นหนึ่งในเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร (City of Gastronomy) ประจำปี 2564 เป็นเมืองที่ 5 ของประเทศไทยที่ได้รับการประกาศนี้ ต่อจากภูเก็ต เชียงใหม่ สุโขทัย และกรุงเทพมหานคร
เอกลักษณ์ด้านอาหารของจังหวัดเพชรบุรี มีความโดดเด่นและถูกยกให้เป็น "เมืองสามรส" นั่นเพราะมีวัตถุดิบในการประกอบอาหารที่กลมกล่มจาก รสหวานของน้ำตาลโตนด รสเค็มจากเกลือสมุทร และรสเปรี้ยวจากมะนาวแป้น ทั้งหมดมีแหล่งกำเนิดจากเพชรบุรีทั้งสิ้น และวัตถุดิบเหล่านี้ต่างถูกรังสรรค์ไว้ในเมนู หรือสำรับสำหรับชาวเพชรบุรี
แต่อย่างไรก็ดีเมนูโบราณหลายอย่างของจังหวัดเพชรบุรี หากไม่ได้รับการสืบทอดก็มีอันต้องเลือนหายไปตามกงล้อแห่งกาลเวลา ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จึงได้จัดทำข้อมูล อาหารถิ่น รสชาติที่หายไป The Lost Taste ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567
โดยมีเนื้อหาสำคัญ เป็นการรวบรวมและอนุรักษ์อาหารถิ่นหลากหลายภูมิภาค เพื่อเรียนรู้ถึงคุณค่าของอาหารที่เป็นรากเหง้าของสังคมไทย และเล่าถึงวิธีการทำและประวัติความเป็นมาของอาหารแต่ละชนิด โดยเฉพาะเมนูอาหารถิ่น จังหวัดเพชรบุรี ที่มีการใช้วัตถุดิบในพื้นที่รังสรรค์ออกมาเป็นเมนูอาหารพื้นถิ่นอย่างน่าสนใจ
ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบข้อมูลของอาหารถิ่นของจังหวัดต่าง ๆ จังหวัดเพชรบุรี มีด้วยกัน 3 เมนูดังนี้
เป็นอาหารที่มีเฉพาะฤดูกาลและหาทานได้เฉพาะถิ่น ลำแพนเป็นพืชชายเลนที่มีอยู่มากในพื้นที่ตำบลบางตะบูน จะออกผลในช่วงเดือนมกราคม – พฤษภาคม ผลลำแพนที่แก่จัดมีรสเปรี้ยว ชาวบ้านเกาะแก้ว แต่โบราณจึงได้นำมาเป็นวัตถุดิบปรุงอาหาร มักใช้แทนมะนาวหรือมะขามที่หาไม่ได้ง่ายนักในพื้นที่ป่าชายเลน
วิถีดั้งเดิมของชาวบ้านเกาะแก้วจะทำน้ำพริกกะปิโดยใส่ลูกลำแพนที่แก่จัดเพื่อให้ได้รสเปรี้ยวและยังได้กลิ่นหอมเฉพาะตัว กินคู่กับผักชะครามลวกกับปลากระบอกย่าง เป็นเมนูที่แสดงถึงภูมิปัญญาด้านอาหารการกินที่พึ่งพิงธรรมชาติเป็นหลัก
วิธีทำ : น้ำพริกลำแพน
เป็นเมนูอาหารในความทรงจำวัยเด็กของ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล แต่เดิมท่านอาศัยอยู่ที่ชุมชนบ้านดอนไก่เตี้ย อำเภอเมืองเพชรบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีได้นำเมนูดังกล่าวมาเผยแพร่ให้แก่ประชาชนเพื่อให้เกิดการสืบทอด และฟื้นฟูเมนูท้องถิ่นดั้งเดิมซึ่งไม่ได้มีการบริโภคอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
ผัดไอ้คุยเป็นเมนูที่มีรสเผ็ดร้อนเป็นหลัก ทำจากเนื้อวัวผัดกับเครืองแกง เครืองเทศ สมุนไพรไทยหลากหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้รสชาติเผ็ดร้อน หอมกลิ่นเครื่องเทศและสมุนไพร
วิธีทำ : ผัดไอ้คุ่ย
ใช้เนื้อวัวผัดกับเครื่องพริกแกงและเครื่องเทศ ที่มีทั้ง ดอกเกลือ ดีปลี ดอกจันทร์เทศ พริกไทย ลูกผักชี ยี่หร่าผง ผิวมะกรูด รากผักชี หอมแดง กระเทียม พริกไทยอ่อน พริกขี้หนู ใบมะกรูด และพริกแกงเขียวหวาน ก่อนปรุงรสปรุงรสด้วยดอกเกลือและน้ำตาลเล็กน้อย
แมงดาถ้วยอาศัยแถบทะเลโคลน เป็นสัตว์มีพิษชนิดหนึ่ง ไข่แมงดามีเฉพาะเดือนมกราคม - เมษายน จึงเป็นอาหารที่มีเฉพาะฤดูกาล แต่เดิมแมงดาถ้วยมีมากและหาได้ง่ายแถบตำบลบางตะบูน จึงมักจะนำมารับประทานในครัวเรือน
เมนูข้าวเหนียวไข่แมงดาทะเลเชื่อมสืบทอดมาจาก “ก๋ง” ชาวบางตะบูนออกมาแต่ดั้งเดิมซึ่งเกิดในช่วงปลายสมัย ร.5 เป็นเมนูที่แสดงถึงภูมิปัญญาด้านการถนอมอาหารและกระบวนการทำอาหารที่ต้องสั่ง สมประสบการณ์เรียนรู้ที่จะเอาพิษแมงดาถ้วยออกแล้วนำไข่มาทำเป็นอาหาร มีการคิดค้นสร้างสรรค์ให้เป็นอาหารหวาน โดยใช้วัตถุดิบที่มีในพื้นที่เพิ่มเนื้อมะพร้าวขูดเพื่อให้ปริมาณพอรับประทานในครัวเรือนกลายเป็นเมนูอาหารหวานที่หาได้เฉพาะถิ่น
วิธีทำ : ข้าวเหนียวไข่แมงดาทะเลเชื่อม
ภาพจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี