ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์ถัดไป ระหว่างวันที่ 30 ส.ค.-3 ก.ย. 2564 ที่ 32.50-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิดในประเทศ และรายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนก.ค.ของธปท.
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร การจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนส.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนส.ค. ของจีน และยูโรโซน รวมถึงท่าทีของสหรัฐฯ และชาติตะวันตกต่อเหตุการณ์ในอัฟกานิสถาน โดยเมื่อวันศุกร์ (27 ส.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.63 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (20 ส.ค.)
ด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด(บล.) มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,595 และ 1,585 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,615 และ 1,635 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิดทั้งในและต่างประเทศ การคลายล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงประเด็นการเมืองภายในประเทศ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือนส.ค.
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนส.ค. ของจีน ญี่ปุ่นและยูโรโซน ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค. (เบื้องต้น) และดัชนีราคาผลิตเดือนก.ค. ของยูโรโซน ตลอดจนยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27สิงหาคมที่ผ่านมา หุ้นไทยกลับมายืนเหนือ 1,600 จุดอีกครั้ง โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,611.20 จุด เพิ่มขึ้น 3.74% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 96,981.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.40% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 3.61% มาปิดที่ 521.63 จุด