เปิดไทม์ไลน์ยานแม่ "SCBX" แยก Card X ลุยธุรกิจครึ่งหลังปี65 

23 ธ.ค. 2564 | 11:50 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ธ.ค. 2564 | 19:33 น.

เปิดไทม์ไลน์ยานแม่ "SCBX" ปรับโครงสร้างแยกบริษัท Card X ลุยธุรกิจครึ่งหลังปี65 ตั้งเป้า 5 ปี สร้างรายได้ 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด 

นายมาณพ เสงี่ยมบุตร รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของกลุ่มบริษัท เอสซีบี เอ็กซ์ (SCBX) โดยระบุว่า ไทม์ไลน์หลังจากนี้ ภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 จะดำเนินการเรื่องการแปลงสภาพหุ้น หรือ Share Swap โดยกำหนดที่ 1 หุ้น SCB ต่อ 1 หุ้น SCBx ซึ่งผู้ถือหุ้นจะต้องทำ Swap มีสัดส่วนมากกว่า 90% แม้ว่าหลักเกณฑ์จะกำหนดสัดส่วนเพียง 75% แต่ธนาคารต้องการให้มั่นใจว่าผู้ถือหุ้นมีความสนใจและเป็นความประสงค์แท้จริงในการ Share Swap และเห็นชอบในการปรับโครงสร้างในครั้งนี้ 
 

"เท่าทีสังเกตและพูดคุยกับนักลงทุนสถาบัน  คะแนนโหวตที่ท่วมท้นจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญ และจากราคาหุ้น น่าจะเชื่อว่าผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เห็นชอบด้วยกับการปรับโครงสร้าง และน่าจะผ่านการแปลงสภาพหุ้นได้เกิน 90% ด้วยฐานโครงสร้างผู้ถือหุ้นในตลาดเป็นฐานที่มีนักลงทุนสถาบันเป็นส่วนใหญ่ เห็นได้จากผู้ถือหุ้นในตลาด 50% มากกว่าครึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ" 


มาณพ เสงี่ยมบุตร

ทั้งนี้ ครึ่งหลังจะเริ่มแยกธุรกิจออกจากธนาคารไทยพาณิชย์อยู่ในกลุ่มSBBX เริ่มจากธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล  ภายใต้ ชื่อ บริษัท คาร์ดเอกซ์ จำกัด หรือCard X  โดยการดำเนินการดังกล่าวจะต้องได้รับการเห็นชอบ ทั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 
 

ขณะที่การเติบโตภายใต้กลุ่ม SCBX ธนาคารตั้งเป้ารายได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า (ตั้งแต่ปี 2565-2569) จะมาจาก SCBX อยู่ที่ 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งจะมาจาก 2 กลุ่มธุรกิจด้วยกัน คือ กลุ่มธุรกิจสินเชื่อดิจิทัล และธุรกิจเทคโนยีแพลตฟอร์ม รวมถึงธุรกิจที่แยกบริษัทออกไป เช่น บริษัท คาร์ดเอกซ์ จำกัด (Card X) ที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 10% ของรายได้ทั้งหมด ส่วนนี้จะเริ่มสร้างรายได้ให้กับกลุ่ม SCBX ได้ภายในปีหน้า 
 

นอกจากนี้ ทิศทางของกลุ่ม SCBX จะเน้นสร้างโครงสร้างระบบพื้นฐาน สร้างระบบนิเวศเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล เพราะมองว่ากระแสการใช้เงินสกุลดิจิทัลจะเพิ่มขึ้นในระยะยาว โดยธนาคารจะต้องเพิ่มขีดความสามารถในการบริการเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล 
 

"เราคิดว่าสกุลเงินดิจิทัลมีความผันผวนจึงไม่คิดที่จะเข้าไปลงทุน และธนาคารไม่ต้องการจะมีผลประกอบการจากกำไรของความผันผวนจากสกุลเงินดิจิทัล แต่เราต้องการมีผลประกอบการจากการให้บริการเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า" 

นายมานพกล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี2565 เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตผ่านการส่งออก  แต่ยากที่จะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะกลับไปสู่ระดับก่อนโควิด ถ้าการท่องเที่ยวยังไม่กลับมาเต็มที่
 

ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจธนาคารนั้น  เตรียมจะประกาศแผนธุรกิจในกลางเดือนมกราคมแีหน้า  โดยมองภาพรวมธุรกิจธนาคารน่าจะเติบโตดีกว่าปีนี้ แต่โอมิครอนจะเป็นปัจจัยเสี่ยงซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ 
 

อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังเน้นการเติบโตสินเชื่อที่มีคุณภาพ และมีผลตอบแทนคุ้มค่ากับความเสี่ยง และสร้างรายได้ดอกเบี้ยเป็นส่วนใหญ่  โดยขณะเดียวกันธนาคารเน้นเติบโตจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย โดยมาจาก 2 กลุ่มชูธง คือ รายได้จากประกัน  และบริหารกองทุนกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง และผลกำไรจากการเข้าไปลงทุนของบริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB10X) ซึ่งเป็นอีกกลุ่มชูธงใหม่ที่เริ่มมีผลตอบแทนเข้ามาในปีนี้
 

"แนวโน้มรายได้จากการลงทุนผ่านการลงทุน เทคโนโลยี  สตาร์ตอัพทั้งในประเทศและทั่วโลก ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่มีผลกำไรจากการลงทุนเป็นกอบเป็นกำ"
 

สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า มีแนวโน้มที่จะปรับสูงขึ้น ในสัดส่วนมากกว่า 35% ของรายได้รวมทั้งหมดของธนาคารและมีแนวโน้มจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
 

อย่างไรก็ตามรายได้ดอกเบี้ยยังเป็นสัดส่วนหลัก เนื่องจากฐานสินเชื่อใหญ่ ครอบคลุมทั้งธุรกิจบริษัทบุคคล และธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง(เวลธ์)ครอบคลุมภาคเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งต้องให้แน่ใจว่า ภายใต้โครงสร้างใหญ่ของการปรับโครงสร้างธุรกิจธนาคารมีความมั่นคงและมีการเติบโต