รถพลังงานไฟฟ้า 100% EV ถูกขับเคลื่อนด้วยรถจีน “เอ็มจี” และ “เกรท วอลล์ มอเตอร์” รวมถึงแบรนด์ยุโรปอย่าง วอลโว่ บีเอ็มดับเบิลยู และเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งรายหลังเตรียมขึ้นไลน์ประกอบ EQS ในเมืองไทยต้นปี 2565
ด้านเกรท วอลล์ มอเตอร์ที่ประเดิมทำตลาด EV ด้วยการนำเข้า Ora Good Cat มาจากจีน พร้อมให้จองสิทธิ์ซื้อ และรับแคมเปญ Ultra Deal มูลค่ากว่า 2.2 แสนบาท ก่อนจะเปิดราคาอย่างเป็นทางการวันที่ 29 ตุลาคมนี้
Ora Good Cat แบ่งการขายเป็น 3 รุ่นย่อยคือ 400 Tech, 400 Pro และ 500 Ultra คาดราคาอยู่ในช่วง 9 แสนบาท - 1.2 ล้านบาท โดยค่ายน้องใหม่เปิดเผยว่า การจองสิทธิ์ซื้อที่เปิดให้ลงทะเบียนเวลา 00.01 น. ของวันที่ 14 ตุลาคม 2564 ซึ่งผ่านไป 24 ชั่วโมง สามารถทำยอดได้ถึง 4,296 คัน
สำหรับ Ora Good Cat พร้อมส่งมอบรถล็อตแรกใน เดือนธันวาคมนี้ทันที และปลายปีเตรียมเปิดตัว EV อีกหนึ่งรุ่น คาดว่าจะเป็น Ora Black Cat
ฝั่ง “เอ็มจี” เจ้าตลาด EV เมืองไทย โดยปี 2563 ขายเป็นอันดับหนึ่ง โดยครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 90% จาก MG ZS EV จำนวน 767 คัน และ MG EP อีก 59 คัน ส่วนปีนี้ผ่านไป 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค. 64) MG ZS EV ขายไป 135 คันและ MG EP 483 คัน
สาเหตุที่ MG ZS EV ยอดขายลดลงเพราะรถโฉมนี้หมดสต็อกไปแล้วต้องรอนำเข้ารุ่นใหม่ไมเนอร์เชนจ์จากจีน ที่ เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย วางกำหนดเปิดตัวไว้ต้นปี 2565 ดังนั้นในช่วงปลายปีนี้จะเหลือ MG EP ขายเพียงรุ่นเดียว
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์รองกรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศ ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การมีรถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานและสนองความต้องการของผู้บริโภค ด้วยเทคโนโลยี ความทันสมัย และความคุ้มค่า รวมไปถึงความพร้อมของการบริการหลังการขาย คือปัจจัยที่ทำให้เอ็มจีเติบโต และเป็นผู้นำของตลาดรถยนต์ในหลายๆ กลุ่มไม่ว่าจะเป็นบีเอสยูวี ที่มี MG ZS และกลุ่มรถพลังงานไฟฟ้า 100% ทั้ง MG ZS EV และ MG EP ซึ่งปัจจุบันยังคงมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 90%
“ปัจจุบัน MG ZS EV ต้องรอรุ่นใหม่ ไมเนอร์เชนจ์ ที่ในจีนและยุโรปเปิดตัวแล้ว ส่วน เมืองไทยจะพยายามนำเข้ามาทำตลาดให้เร็วที่สุด” นาย พงษ์ศักดิ์ กล่าวสรุป
อีกหนึ่งแบรนด์ยุโรป “วอลโว่” ที่สั่ง EV มาจากจีนเช่นกัน ปัจจุบันโปรโมทและอัดแคมเปญ Volvo XC40 EV มูลค่ารวมเกือบ 3 แสนบาท (ราคาขาย 2.59 ล้านบาท) และปี 2565 เตรียมนำเข้า Volvo C40 เอสยูวีคูเป้พลังงานไฟฟ้า พื้นฐานการพัฒนา เดียวกับ Volvo XC40 EV มาเสริมทัพอีกหนึ่งรุ่น
ด้าน “อาวดี้” โดยไมซ์สเตอร์เทคนิค ประกาศชัดเจนว่า พร้อมนำเข้า EV ที่บริษัทแม่ขายในยุโรป มาสู่เมืองไทยทุกรุ่น ซึ่งตอนนี้มี 5 รุ่นย่อยจาก 3 ตัวถังคือเอสยูวี Audi e-tron และเอสยูวีท้ายลาด Audi e-tron Sportback รวมถึง Audi e-tron GT ปัจจุบัน EV กลุ่มนี้ มียอดขายในสัด ส่วน 7% จากรถยนต์อาวดี้ทุกรุ่นที่ทำตลาดในเมืองไทย
ส่วนปี 2565 เตรียมนำเข้า EV รุ่นใหม่ Audi Q4 e-tron และ Audi A6 e-tron มาเพิ่มเติม แต่ยังไม่สามารถกำหนดเวลาเปิดตัวที่แน่นอนได้ จากปัญหาโรงงานผลิตรถยนต์ในยุโรปขาดแคลนชิ้นส่วนเพื่อการผลิต
นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไมซ์สเตอร์เทคนิค จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทแม่ อาวดี้ เอจี ให้นโยบายเรื่องรถพลังงานไฟฟ้า 100% EV ไว้อย่างชัดเจนทั้งเรื่องการเตรียมความพร้อมด้านการขายและบริการหลังการขายในอนาคต
“บริษัทแม่อยากให้เราทำ EV มากที่สุด และสั่งให้เราปูพื้น เตรียมความพร้อมเพื่อรับกับโปรดักต์ใหม่ๆ และโมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนสถานการณ์ปัจจุบันต้องยอมรับว่า แม้การขาย EV ของเราจะได้การตอบรับดี แต่จำนวนยอดขายยังน้อยเพราะเราอยู่ในเซ็กเมนต์พรีเมี่ยม แต่กลุ่ม ที่สร้างกระแสและยอดขายได้คือแบรนด์จากจีน”
“EV จีน จะมีส่วนกระตุ้นให้รัฐบาลไทยปรับตัวเรื่องนโยบายรถพลังงานไฟฟ้า และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้มีความคืบหน้ารวดเร็วมากขึ้น” นาย กฤษณะกรกล่าว
สำหรับอาวดี้ หลังผ่านไป 3 ไตรมาสของปี 2564 ทำยอดขายรวมกว่า 900 คัน และปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้ 1,200-1,300 คัน จากรถ 36 รุ่นย่อย ใน 20 ตัวถัง
นอกจากนี้ EV แบรนด์เยอรมนีอย่าง “บีเอ็มดับเบิลยู” เตรียมส่ง มอบ iX (นำเข้าเยอรมนี) และ iX3 (นำเข้าจีน) ให้แก่ลูกค้าชาวไทยช่วงปลายปีนี้ ขณะที่ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” นำเข้า EQS มาเปิดตัวก่อน แต่รุ่นที่พร้อมส่งมอบต้นปี 2565 จะเป็นรุ่นประกอบในประเทศ