จาก “เจ้าพ่ออีโคคาร์” กลายเป็น “ราชารถอเนกประสงค์” สำหรับซูซูกิ มอเตอร์ ซึ่งฐานันดรแรกมาจากการมีอีโคคาร์ทำตลาดถึง 3 รุ่น ตั้งแต่รถเล็กราคาประหยัด “เซเลริโอ้” และรถซีดานแบบครอบครัว “เซียส” รวมถึงแฮตช์แบ็กยอดนิยม “สวิฟท์”
ส่วน “ราชารถอเนกประสงค์” กับ “ซูซูกิ แคร์รี่” ที่จุดขายคือการนำไปดัดแปลงเป็น “ฟู้ดทรัค” หรือช่วงโควิด-19 ยังนำไปทำรถตรวจเชื้อเคลื่อนที่บริการประชาชน ล่าสุด “บาร์บีคิวพลาซ่า” เตรียมซื้อ ซูซูกิ แคร์รี่ ล็อตใหญ่ เพื่อนำไปดัดแปลง ทำรถขายอาหารเคลื่อนที่แบบตู้กดลดการสัมผัส พร้อมเปิดแฟรนไชส์เป็นเรื่องเป็นราว
นอกจากนี้ ยังมีรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง อีกสองรุ่นคือ เออร์ติก้า (Suzuki Ertiga) และ ซูซูกิ เอ็กซ์แอล 7 (Suzuki XL7) นำเข้ามาจากอินโดนีเซีย โดยรุ่นแรกเน้นความเรียบง่ายแบบมินิแวน ส่วนรุ่นหลังถูกต่อยอดให้แตกต่างในสไตล์ครอสโอเวอร์
Suzuki XL7 ขายรุ่นเดียวในเกรด GLX ราคา 7.79 แสนบาท ค่าตัวสูงกว่า Ertiga รุ่นท็อป GX อยู่ที่ 54,000 บาท แต่ราคายังถูกกว่า Mitsubishi Xpander Cross ที่ราคาโดดไปถึง 9.19 แสนบาท
Suzuki XL7 มาในมาดดุดันพร้อมลุยมากกว่า Suzuki Ertiga ครับโดยรถยกสูงขึ้นอีก 20 มม. ทำให้ระยะ ตํ่าสุดจากพื้นเป็น 200 มม. (Suzuki Ertiga 180 มม. และ Mitsubishi Xpander Cross 225 มม.) พร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ประกบยาง 195/60 R16 ในขณะที่ Suzuki Ertiga ใช้ล้อขนาด 15 นิ้ว และยาง 185/65 R15
นอกจากสเปกล้อและยางที่มีส่วนกับการยึดเกาะถนนของรถแล้ว Suzuki XL7 ยังปรับช่วงล่างใหม่ และเปลี่ยนสเปกของเหล็กกันโคลงให้ใหญ่ขึ้น ภายใต้โครงสร้างรองรับด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท และหลังแบบทอร์ชันบีม
ส่วนเครื่องยนต์เบนซินรหัส K15B 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ตรงนี้ไม่ได้ปรับจูนอะไรให้ต่างจาก Suzuki Ertiga เพียงแต่ซูซูกิเลือกไปปรับอัตราทดเฟืองท้ายให้จัดกว่า
โดยอัตราทดเฟืองท้ายของ Suzuki XL7 อยู่ที่ 4.375 ส่วน Suzuki Ertiga 4.278 ตรงนี้อาจจะมีส่วนทำให้การตอบสนองในช่วงออกตัวกระฉับ กระเฉงกว่าเล็กน้อย ขณะเดียวกันผมยังชอบบุคลิกของเกียร์อัตโนมัติแบบเฟืองทอร์คคอนเวอร์เตอร์ มากกว่าเกียร์สายพาน CVT ซึ่งในภาพรวมขับขี่สบาย อัตราเร่งใช้ได้ หรือทำได้น่าพอใจกับการเป็นรถทรงสูงและยาวแบบนี้ ขณะที่พวงมาลัยผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ให้อารมณ์การควบคุมที่หนึบหนับกว่า Suzuki Ertiga พอสมควร
ล่าสุด ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย จัดทริปสั้นๆ ที่ใช้ชื่อว่า เปิดมุมมองใหม่ที่ท้าทายไปกับ Suzuki XL7 Multi-Dynamic Crossover ขับไปกลับกรุงเทพ-เขาใหญ่ ซึ่งมีบางช่วงบางตอน ทีมงานซูซูกิจัดเส้นทางให้เข้าไปผ่านนํ้า ลุยฝุ่น ด้วย
แน่นอนว่า เส้นทางแบบไลท์ออฟโรด Suzuki XL7 ผ่านไปได้สบายครับ แต่ในชีวิตจริงผมคิดว่าไม่มีใครนำไปลุยแบบสมบุกสมบัน เพราะ Suzuki XL7 เกิดมาเพื่อเป็นรถยนต์นั่ง รองรับการเดินทางแบบครอบครัว มีความอเนกประสงค์ในการบรรทุกคน ขนของ (เผื่อทำมาค้าขาย) เน้นขับบนทางดำถนนเรียบ เพียงแต่ทริปนี้ เขาอยากแสดงศักยภาพในมุมมองใหม่ๆ ส่งเสริมภาพลักษณ์แบบเอสยูวีขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม ถ้าเรามองว่ารถทรงยกสูงแบบนี้ สามารถขับลุยนํ้าท่วมในเมืองกรุงได้ ก็สบายใจแล้วละครับ ส่วนการปรับในเชิงโครงสร้าง และระบบขับเคลื่อน ไม่ได้มีผลกระทบกับอัตรา บริโภคนํ้ามันมากนัก โดยความเร็ว 100 กม./ชม. ที่เกียร์สูงสุด รอบอยู่ประมาณ 2,500 ขณะที่อัตราบริโภคนํ้ามันจากการขับทางไกลยังเห็นตัวเลข 15-16 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ... หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม 2563 มาปีนี้ Suzuki XL7 น่าจะขายได้เกือบๆ 4,000 คัน ซึ่งถือว่าดีพอสมควรในสถานการณ์แบบนี้ กับความโดดเด่นจากการออกแบบภายนอกให้ดุดัน และประโยชน์ใช้สอยภายในห้องโดยสาร พร้อมราคาที่คุ้มค่า แถมมีโปรโมชันให้เป็นเจ้าของได้ง่าย ผมว่ามีคันนี้คันเดียวจบ รองรับได้ในทุกบทบาทของชีวิตครับ