กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดเผยว่าในเดือนมกราคม 2565 ประเทศไทยสามารถผลิตรถยนต์ได้จำนวนทั้งสิ้น 151,747 คัน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 2.45 % โดยยอดผลิตที่เพิ่มขึ้นมานั้น มาจากการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ เพิ่มขึ้น 19.88 % ขณะที่การผลิตเพื่อส่งออก ลดลง เนื่องจากยังคงขาดเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ในการผลิตรถยนต์นั่ง
ส่วนทางด้านยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนมกราคม 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 69,455 คัน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 25.8 % ทั้งนี้เพราะรัฐบาลได้มีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ,การประกันรายได้เกษตรกร, การกระตุ้นเเศรษฐกิจ เช่น คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ยิ่งใช้ยิ่งได้ ฯลฯ และการผ่อนคลายการล็อกดาวน์
รวมทั้งการส่งเสริมการขายของผู้จำหน่ายรถยนต์ และการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยคาดว่าในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนจะช่วยให้ยอดขายไตรมาสแรกเติบโตขึ้น
ด้านตลาดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป ในเดือนมกราคม 2565 ส่งออกได้ 69,833 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2564 จำนวน 5.80 % ทั้งนี้เป็นผลมาจากการขาดเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้ตลาดส่งออกลดลงเกือบทุกตลาดยกเว้นตลาดออสเตรเลียและอเมริกากลางอเมริกาใต้ที่เพิ่มขึ้น 16.09 % และ 78.75 % ตามลำดับ
สรุปเดือนมกราคม 2565 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 72,900.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 4.43%
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยอดผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมยานยนต์โดยเฉพาะตลาดส่งออกยังคงต้องเผชิญกับการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์
อนึ่ง ประเทศไทยตั้งเป้ายอดการผลิตรถยนต์ในปี 2565 ประมาณ 1,800,000 คัน มากกว่าปี 2564 ที่ทำได้ 1,685,705 คัน เพิ่มขึ้น 114,295 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโต 6.78 % โดยแบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 1,000,000 คัน เท่ากับ 55.56 % ของยอดการผลิตทั้งหมด และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 800,000 คัน เท่ากับ 44.45 % ของยอดการผลิตทั้งหมด