วันนี้ (2 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบหลักการมาตรการทางด้านภาษีสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า วงเงิน 24,000 ล้านบาท
ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ 1%
หลักการของมาตรการสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่ ที่ประชุมเห็นชอบการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีสรรพสามิตจาก 8% ลดเหลือ 1% รวมทั้งเงินสนับสนุนวงเงิน 24,000 ล้านบาท สำหรับการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า
โดยเงินสนับสนุนจะขึ้นกับขนาดของโรงงานผลิตแบตเตอรี่และความจุพลังงานจำเพาะของแบตเตอรี่ สำหรับโรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาดต่ำกว่า 8 GWh จะได้รับเงินสนับสนุนระหว่าง 400-600 บาท/kWh หากเป็นโรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาดสูงกว่า 8 GWh จะได้รับเงินสนับสนุนระหว่าง 600-800 บาท/kWh
ทั้งนี้เนื่องจากวงเงินงบประมาณมีจำนวนจำกัด การให้เงินสนับสนุนจะอยู่บนหลักการ ลงทุนผลิตก่อน ได้รับเงินสนับสนุนก่อน โดยเงินสนับสนุนที่ภาครัฐให้กับผู้ผลิตแบตเตอรี่จะช่วยให้ต้นทุนการผลิตของรถยนต์ไฟฟ้าถูกลง ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้าขายในตลาดมีราคาถูกลง
อย่างไรก็ตามในการประชุมครั้งนี้ ยังไม่ได้สรุปถึงเรื่องของแหล่งเงินที่จะมาใช้ ซึ่งจากนี้ไปจะมีการหาข้อสรุปกันให้ชัดเจนอีกครั้ง ก่อนจะนำมาเสนอในการประชุมครั้งต่อไป
ออกมาตรการหนุนเปลี่ยนรถเก่าเป็น EV
การประชุมครั้งนี้ยังพิจารณามาตรการขับเคลื่อนการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ซึ่งเป็นรถยนต์กลุ่มใหญ่ของประเทศให้สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่การผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ การจัดตั้งคณะอนุกรรมการที่ดูแลเรื่องการดัดแปลงรถยนต์ใช้แล้วเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV Conversion)
พร้อมกันนี้ยังรับทราบความคืบหน้าของการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ ล่าสุด ระเบียบสามารถเปิดให้หน่วยงานราชการจัดซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อใช้ในหน่วยงานได้แล้ว ซึ่งจะสอดคล้องกับมาตรการสนับสนุนการสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) ที่ได้รับการส่งเสริมไปก่อนหน้านี้
หลายบริษัทแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่สนใจลงทุน
ปัจจุบันประเทศไทยได้รับความสนใจจากผู้ผลิตแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่ระดับโลกในการมาลงทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่อีวีในประเทศ เพราะปัจจัยบวกหลายประการ เช่น
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มาตรการที่ออกมาจะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกได้ ส่วนเรื่องของวงเงินที่จะมาสนับสนุนในเรื่องแบตเตอรี่นั้น เบื้องต้นก็กำลังพิจารณาตั้งกองทุนขึ้นมา แต่ทั้งหมดต้องดูความเหมาะสมอีกครั้ง