เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศ ไทย มุ่งสู่อนาคตภายใต้แผนธุรกิจใหม่ ทั้งการขยับไลน์อัพของโปรดักต์ วิธีการขาย และการสื่อสารการตลาด ตามนโยบายของบริษัทแม่ประเทศเยอรมนี
รายงานจาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ระบุว่า ยอดขาย รถยนต์ครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 66) เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดจดทะเบียนรถใหม่จากกรมการขนส่งทางบกแจ้งไว้ 7,700 คัน (ขณะที่บีเอ็ม ดับเบิลยู ทำได้ 7,317 คัน)
แม้ยอดขายจะสวยงามและดูจากยอดจดทะเบียนรถใหม่ในครึ่งปีแรกสามารถเฉือนคู่แข่งบีเอ็มดับเบิลยูได้ แต่ประธานใหญ่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ยังสงวนท่าทีในการตอบคำถามว่า ปีนี้จะกลับมาทวงแชมป์ตลาดรถพรีเมี่ยมได้หรือไม่
“ตัวเลขนี้เป็นยอดจดทะเบียน ไม่ใช่ยอดส่งมอบ ส่วนยอดขายที่ดีขึ้น คงเป็นเรื่องความนิยมของลูกค้า ที่มีต่อรถของเรา ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญมากกว่าที่จะมาโฟกัสว่า ใครได้ยอดขายที่ 1 หรือที่ 2” นายมาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส- เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวและว่า
ยอดขายในไทยที่เติบโตกว่า 6% เป็นผลมาจากการนำเสนอ ยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ ลงตลาดอย่างต่อเนื่อง และปีนี้นับเป็นก้าวสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการเดินหน้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าด้วยการเติมเต็ม EV Portfolio ในประเทศ ไทย ต่อเนื่องจาก 2 รุ่นแรกอย่าง EQS และ EQB
“เรามีแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% พร้อมกัน 2 รุ่น ในอีก 6 สัปดาห์นับจากนี้ และในปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดให้เครือข่ายผู้จำหน่ายฯ สามารถจำหน่ายและให้บริการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ครอบคลุมมากกว่า 30 สาขาทั่วประเทศ” นายชเวงค์ กล่าวสรุป
ทั้งนี้ EV 2 รุ่นใหม่ที่ประธานเมอร์เซเดส-เบนซ์ หมายถึง คือ EQE SUV และตัวแรง Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ ที่คาดว่าจะจัดงานเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้
สำหรับ EQE SUV ที่เปิดตัวในตลาดโลกมีหลายรุ่นย่อยภายใต้ชุดแพกแบตเตอรี่สเปกเดียวกัน 90.6 kWh ทั้ง EQE 350+ EQE 350 4MATIC และ EQE 500 4MATIC ซึ่งเมืองไทยมีโอกาสนำเข้ามาครบตามนี้
อย่าง EQE 350 4MATIC AMG Line มอเตอร์สองตัวให้กำลัง 292 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 765 นิวตัน-เมตร วิ่งได้ระยะทาง 558 กม. (WLTP) และ EQE 500 4MATIC มอเตอร์สองตัวให้กำลัง 408 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 858 นิวตันเมตร วิ่งได้ระยะทาง 547 กม.
ส่วนตัวแรง Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังรวม 625 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 950 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.5 วินาที ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ระยะทาง 465 กม.
นอกจาก EV ที่เสริมทัพอย่างเข้มข้นแล้ว กลุ่มปลั๊ก-อินไฮบริด ยังมีความสำคัญสูงสุดกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เพราะในปัจจุบันจากยอดขายรถยนต์ทุกรุ่น (ทุกขุมพลัง) ในจำนวนนี้ 50% เป็น ของรถปลั๊ก-อินไฮบริด
ล่าสุด จัดงานเปิดตัวโฉมใหม่ Mercedes-Benz GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ซึ่งเป็น การขึ้นไลน์ประกอบในประเทศประเดิมด้วยรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด ก่อนที่ปลายปีจะมีรุ่นดีเซลตามมา
Mercedes-Benz GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ปลั๊ก-อินไฮบริด ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม 313 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 550 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ 6.7 วินาที
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ความจุ 31.2 kWh วางอยู่บนเพลาขับหลัง (ใต้พื้นที่เก็บสัมภาระ) สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า EV ได้ระยะทาง 120 กิโลเมตร (WLTP) รองรับการชาร์จกระแสตรง (DC) 60 kWh และกระแสสลับ (AC) 11 kWh
Mercedes-Benz GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ราคา 4.18 ล้านบาท พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง