ในที่สุดก็ได้บทสรุปของมาตรการสนับสนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรา หลังจากก่อนหน้านั้น รัฐบาลได้เดินหน้าตามมาตรการ EV3.0 ที่มอบส่วนลดสูงสุดให้กับผู้ที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตที่เข้าร่วมโครงการ โดยส่วนลดสูงสุดที่ได้คือ 1.5 แสนบาท ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 และทางบอร์ดอีวี ก็ได้นำเสนอมาตรการต่อเนื่อง EV 3.5 ทั้งนี้เพื่อเดินไปสู่เป้าหมาย 30@30 ภายในปี 2573 ผลักดันไทยขึ้นแท่นฮับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค และ 10 อันดับแรกของโลก
อย่างไรก็ดีก่อนจะไปดูมาตรการสนับสนุนซื้อซื้อรถยนต์ไฟฟ้า EV 3.5 "ฐานเศรษฐกิจ"ก็ขออัพเดตมาตรการ EV 3.0 กันก่อน เพราะตัวมาตรการนี้จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ซึ่งผลการประชุมของบอร์ดอีวีและนายกรัฐมนตรีเมื่อวาน ก็ได้มีการเคาะขยายเวลา จากเดิมที่ต้องจดทะเบียนภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ก็ให้ขยายเวลาเป็นต้องจำหน่ายภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 และต้องจดทะเบียนภายในวันที่ 31 มกราคม 2567
เอาเป็นว่าใครที่กำลังตัดสินใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าภายในสิ้นปีนี้ ก็ยังมีเวลาให้ไตร่ตรองเพราะในช่วงส่งท้ายปลายปี จะมีอีเวนต์ใหญ่อย่างงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป 2023 หรือ มหกรรมยานยนต์ ที่คาดว่าจะมีแคมเปญโปรโมชันออกมาแข่งขันกันอย่างดุเดือด
ส่วนใครที่ยังไม่ได้ตัดสินใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าให้ทันตามมาตรการ EV 3.0 ก็ไม่เป็นไร เพราะในปีหน้ามาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 ก็จะเดินหน้ากันต่อ ซึ่งบทสรุปของ EV3.5 จะมีรายละเอียดเงื่อนไขอย่างไร กรอบระยะเวลาถึงปีไหน "ฐานเศรษฐกิจ"รวบรวมมานำเสนอดังต่อไปนี้
มาตรการสนับสนุนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า EV3.5
รถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท
รถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท
รถกระบะไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท
รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 150,000 บาท
รถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท
รถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท
อนึ่ง บีโอไอ หรือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ได้สรุปความสำเร็จของมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าระยะแรก EV 3.0 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้