สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า นิสสัน มอเตอร์ วางแผนลดพนักงาน 9,000 คน และลดกำลังการผลิตรถยนต์ทั่วโลกลง 20% จากความพยายามลดต้นทุนลง 88,400 ล้านบาท
ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของญี่ปุ่น เคยปรับโครงสร้างธุรกิจ ปิดโรงงานไปหลายแห่งทั่วโลก แต่ธุรกิจยังไม่เคยฟื้นตัวเต็มที่ จากความระส่ำระสายที่นำไปสู่การขับไล่อดีตประธาน คาร์ลอส กอส์นในปี 2561 ล่าสุดยอดขายในจีนและ สหรัฐอเมริกา ลดลงอย่างหนัก
วานนี้ (7 พ.ย.67) นิสสัน มอเตอร์ ประกาศแผนงานระดับโลก ด้วยการลดต้นทุนลง 88,400 ล้านบาท เลิกจ้างพนักงาน 9,000 คน และลดกำลังการผลิต 20%
นิสสัน เปิดตัวแผนฟื้นฟูกิจการฉุกเฉิน ทั้งการเลิกจ้างพนักงาน 9,000 คน และการลดเงินเดือนโดยสมัครใจของประธานและซีอีโอ มาโกโตะ อูชิดะ 50%
รอยเตอร์ส์ รายงานด้วยว่า "นิสสัน มอเตอร์" ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับ 3 ของญี่ปุ่น ส่อวิกฤตหนัก หลังราคาหุ้นร่วงแรงถึง 10% ในตลาดหุ้นโตเกียววันนี้ (8 พ.ย.) สาเหตุจากการประกาศแผนปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ด้วยการปลดพนักงาน 9,000 ตำแหน่ง พร้อมลดกำลังการผลิตลง 20% หวังลดต้นทุน 4 แสนล้านเยน
นายมาโกโตะ อุชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเผชิญความท้าทายในตลาดสำคัญทั้งจีนและสหรัฐฯ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่บริษัทพลาดท่าไม่ได้คาดการณ์กระแสความนิยมรถยนต์ไฮบริด ทำให้ขาดผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการของตลาด ขณะที่ในจีน ก็ต้องเผชิญการแข่งขันรุนแรงจากค่ายรถในประเทศ โดยเฉพาะ BYD ที่มาแรงด้วยรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดราคาย่อมเยา
ล่าสุด บริษัทได้ปรับลดคาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานประจำปีลงถึง 70% และยกเลิกการคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งหมด ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีที่ 383.5 เยน
นักวิเคราะห์จาก Tokai Tokyo Intelligence Laboratory ระบุว่า ปัญหาหลักเกิดจากฝ่ายบริหารที่วางกลยุทธ์ผิดพลาด โดยมุ่งเน้นการขายรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิม ละเลยตลาดรถไฮบริดที่กำลังเติบโต ทำให้แผนระยะกลางที่เพิ่งประกาศเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งตั้งเป้าเปิดตัวรถใหม่ 30 รุ่นใน 3 ปี และเพิ่มยอดขายทั่วโลก 1 ล้านคัน อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่นี้ ถือเป็นความพยายามล่าสุดในการฟื้นฟูธุรกิจของนิสสัน หลังจากที่ยังไม่สามารถกลับมาแข็งแกร่งได้เต็มที่ภายหลังเหตุการณ์ถอดถอนอดีตประธาน คาร์ลอส กอส์น ในปี 2018 และการปรับลดความร่วมมือกับพันธมิตรเรอโนลต์
สำหรับประเทศไทย ยอดขาย 10 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ต.ค.67) ทำได้ 7,968 คัน ลดลง 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ที่มาภาพและเนื้อหา Reuters.com