เปิดเครือข่าย ตู้ห่าว สู่ 5 กลุ่ม ทุนจีน สีเทา 

24 พ.ย. 2565 | 16:21 น.
อัปเดตล่าสุด :25 พ.ย. 2565 | 12:59 น.

เปิดเครือข่าย ตู้ห่าว ทุนจีน กับธุรกิจสีเทา สู่การขยายผลจับกุม 5 กลุ่มมาเฟีย ทุนจีนสีเทา ผับ ยาเสพติด บ่อนพนัน ใครถูกจับ ใครหลบหนี

จากกรณีปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มชาวจีนที่เข้ามาลงทุนทำธุรกิจสีเทา ผ่านนอมินีในประเทศไทย หรือ กลุ่มทุนจีนสีเทา ล่าสุด 23 พ.ย. 65 ได้มีการแถลงผลปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นกลุ่มนายทุนจีนสีเทา ที่สโมสรตำรวจ โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 ภายหลังการเดินทางเข้ามอบตัวของ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ "ตู้ห่าว"

แถลงผลปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นกลุ่มนายทุนจีนสีเทา

 

กลุ่มนายทุนจีนสีเทา 5 กลุ่ม เข้ามาประกอบธุรกิจสถานบันเทิงในไทย ผ่านนอมินี ประกอบไปด้วย 

  1. กลุ่มนายตู้ห่าว  หรือ นายชัยณัฐร์กรณ์ ชายานันท์ เจ้าของผับจินหลิง
  2. กลุ่มนายเดวิด หรือ นายสุ่ย ไท่ เหว่ย ผู้บริหารร้านเบบี้เฟซ
  3. กลุ่มนายหยู่ฉางเฟ่ย เจ้าของร้านคลับวัน พัทยา
  4. กลุ่มนายโทนี่ เจ้าของ Space Plus Bangkok 
  5. กลุ่มนายหมิง เจ้าของ ร้านท็อปวัน พื้นที่ สน.สุทธิสาร

โดยแต่ละกลุ่มมีเครือข่าย และนอมินี ในการดำเนินธุรกิจสีเทาดำ ดังนี้

กลุ่มนายตู้ห่าว  หรือ นายชัยณัฐร์กรณ์ ชายานันท์ เจ้าของผับจินหลิง

ตำรวจมีข้อมูลหลักฐานว่า นายตู้ห่าว เป็นเจ้าของผับจินหลิง ถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. จากการเข้าตรวจค้น เมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 ที่ผ่านมา พบสารเสพติดในปัสสาวะของนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก และพบยาเสพติดอยู่ภายในร้านจำนวนมาก

 

สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือ นายหวง ไห่ เถา หรืออาหวง พร้อมของกลาง เฮโรอีน ยาอี และแฮปปี้วอเตอร์จำนวนหนึ่ง ซึ่งมีไว้จำหน่ายให้กับลูกค้าที่มาเที่ยวที่ร้าน และยังตรวจค้นจุดต้องสงสัยอีกกว่า 38 จุด ตรวจยึดรถหรู 5 คัน และเงินอีก 19 ล้านบาท  และขยายผลจับกุม ผู้ต้องหาเกี่ยวกับ ยาเสพติดเพิ่มเติม รวมทั้งหมด 4 ราย ได้แก่


1. นายหวง ไห่ เถา หรือ อาหวงสัญชาติจีน
2. นายเจียง ไต่ หลิน หรือเสี่ยหลิน สัญชาติจีน
3. นายเหมา ยะ ฉวง หรืออาฉวง สัญชาติจีน
4. นายหวัง เจี้ยน หัว หรืออาหัว สัญชาติจีน 

และขออนุมัติออกหมายจับ นายหยาง เฉิน หรืออาหยาง สัญชาติจีน เพิ่มเติม

กลุ่มนายตู้ห่าว  หรือ นายชัยณัฐร์กรณ์ ชายานันท์ เจ้าของผับจินหลิง

นายตู้ห่าว  เริ่มทำธุรกิจในไทย โดยก่อตั้ง “กั่วลี่กรุ๊ป” ได้เดินทางมาทำงานที่ประเทศไทยเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ต่อมา “ชัยณัฐร์” ได้รับสัญชาติไทย เมื่อสมรสกับหญิงชาวไทย ภรรยาของนายตู้ห่าว มียศเป็นพ.ต.อ. สังกัดกองการต่างประเทศ ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานอดีตผบ.ตร. และอดีตรองนายกรัฐมนตรีสอบสวนเบื้องต้นไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงในการกระทำความผิด แต่มีข้อสังเกตว่า ภรรยาครอบครองบ้านหรู 200 ล้านบาท ซึ่งจะมีการสืบสวนขยายผลถึงเส้นทางการเงินต่อไป

 

 

ซึ่งในระหว่างการแถลงข่าวโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ที่สโมสรตำรวจ  นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตเจ้าของสถานบันเทิง ได้นำเอกสารสำคัญเพิ่มเติมมามอบให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งในเอกสารเป็นข้อมูลเกี่ยวกับนอมินีของนายตู้ห่าว ซึ่งเป็นภรรยาอีกคนหนึ่งของนายตู้ห่าว ชื่อพัชรรินทร์ มีอาชีพขายเครื่องครัวย่านพระราม 4 แต่มีทรัพย์สินมากมายหลายพันล้านบาท ขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินก่อนจะมีการโยกย้ายถ่ายเทไปที่อื่น เนื่องจากภรรยาคนนี้มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่ชอบสะสมนาฬิกาหรู

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์

 

กลุ่มนายเดวิด หรือ นายสุ่ย ไท่ เหว่ย ผู้บริหารร้านเบบี้เฟซ

อยู่ใน พื้นที่ สน.คลองตัน จากการเข้าตรวจค้น เมื่อวันที่ วันที่ 1 พ.ย.65 พบสารเสพติดในนักท่องเที่ยวภายในร้านจำนวน 2 ราย จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า ร้านดังกล่าวมีเจ้าของเป็นบุคคลสัญชาติจีน ซึ่งมีคนไทยเป็นนอมินี

 

ซึ่งคนไทยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีอำนาจในการตัดสินใจใดๆ ในการทำธุรกิจดังกล่าว มีหน้าที่เพียงลงลายมือชื่อในเอกสารต่างๆ และได้รับเงินค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพิ่มเติมรวมทั้งที่จับกุมแล้วรวม 4 ราย ประกอบด้วย
1. บริษัท พอง แบงค็อก จำกัด (ในฐานะนิติบุคคล)
2. นายสุ่ย ไท่ เหว่ย หรือเดวิด อายุ 47 ปี
3. นายจู้ เฉิน สัญชาติจีน
4. นางทองใส เฉิดลออ
โดยได้ดำเนินการจับกุมนายเดวิด และนายจู้ เฉิน แล้วรวม 2 ราย ที่เหลืออยู่ในระหว่างติดตามจับกุม 

กลุ่มนายเดวิด หรือ นายสุ่ย ไท่ เหว่ย ผู้บริหารร้านเบบี้เฟซ พื้นที่ สน.คลองตัน

นายเดวิด หรือ ชื่อจีน สุ่ย ไท่ เหว่ย ได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยประมาณ 10 ปี เป็นผู้บริหาร ผับ Baby face ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ มีคนไทยเป็นนอมินี คือ แม่ยายของนายเดวิด

 

กลุ่มนายหยู่ฉางเฟ่ย เจ้าของร้านคลับวัน พัทยา

เมื่อวันที่ 23 ต.ค.65 ตำรวจได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้น พบยาเสพติดภายในร้านดังกล่าว และได้มีการจับกุมผู้บริหารกิจการ นายนิติพัฒน์ หรือ โกเอี่ยว โชคชัยธนพร ซึ่งสวมทะเบียนคนไทย เป็นนอมินีทำธุรกิจแทน และ มีบริษัท เดอะ ซิกเนเจอร์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินกิจการมีกรรมการและผู้ถือหุ้นจำนวน 4 ราย ได้แก่


1. นายมนู  อายุ 37 ปี
2. นายสุนทร  อายุ 68 ปี
3. นายนิติพัฒน์  อยุ 45 ปี
4. นายแบ้งค์  อายุ 46 ปี

กลุ่มนายหยู่ฉางเฟ่ย เจ้าของร้านคลับวัน พัทยา

 

กลุ่มนายโทนี่ เจ้าของ Space Plus Bangkok 


สถานบันเทิง Space Plus Bangkok มีทั้งสถานบันเทิงในระดับพรีเมี่ยม และกิจกรรมการจัดมวย โดยมีโทนี เฉิน และโปรโมเตอร์ ซาซาน กอซารี่ ชาวอิหร่าน ดูแลด้านธุรกิจจัดชกมวยไทยเป็นหลัก

ตรวจสอบความเชื่อมโยงในทางธุรกิจ พบข้อมูลว่า “Space Plus Bangkok” ตรงกับชื่อ บริษัทที่มีรายชื่อหุ้นส่วนประกอบด้วย ANAN TANGON , AURIWAN GHOSAIRI , และ NUTTASAN HUTASAVEE ซึ่งตรงกับชื่อ “ณัฐสณฑ์ (น้อย)”

 

ซึ่ง ณัฐสณฑ์ (น้อย) มีชื่อเกี่ยวข้องกับอีกหลายบริษัท เช่น บริษัท ไฟท์ ดิฟฟูชั่น จำกัด, ดับเบิ้ลยู เอ็มโอ จำกัด, บริษัท ณัฐสณฑ์ กรุ๊ป จำกัด, บริษัท พีเอ็น ไฟต์เตอร์คลับ จำกัด โดย ก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ ได้โพสต์ ถึงโทนี่ ในหัวข้อ  5 กลุ่มมาเฟียจีน ว่า

 

“โทนี่” สไตล์จีนชอบโชว์ นั่งรถโรลส์รอย มีนางแบบจีนขนาบข้างคลอเคลีย บอดี้การ์ดตามเป็นพรวนโทนี่พยายามเข้าหานักการเมืองไทย ขอแจมโครงการรัฐบาลสารพัดช่วงโควิด ไม่ว่าหน้ากากอนามัย เครื่องตรวจ ATK เอาหมด เป็นเจ้าของ “S P ผับ” ที่โด่งดัง

 

ทำอะไรเล็กไม่เป็น ต้องใหญ่ๆ บิ๊กๆ ลงทุน 400-500 ล้าน ขนเครื่องเสียง ลำโพง อุปกรณ์ไฟ ชิพมาจากเสิ่นเจิ้น S P ผับ มีช่องทางลับ ประตูพิเศษเชื่อมต่อไปให้เฉพาะคนจีนเข้าได้เท่านั้น มีห้องไว้เล่นยาต่างหากเป็นสัดส่วน เวลาตำรวจตรวจก็ไม่เจอ มีคนชื่อ “น้อย” คอยเคลียร์ที่ สน.มักกะสัน ตำรวจเขารู้จักกันดี ตอนนี้โทนี่เห็นท่าไม่ดี ประกาศขายหุ้นละ 5 ล้านบาท ขาย 100 หุ้น ได้เงิน 500 ล้าน เตรียมเผ่นกลับไปตั้งหลักเมืองจีน

 

กลุ่มนายหมิง เจ้าของ ร้านท็อปวัน

อยู่ในพื้นที่ สน.สุทธิสารจากกรณี วันที่ 16 ก.ย.65 นักท่องเที่ยวชาวจีน คือ น.ส.โหยว ซื่อ หัว อายุ 31 ปี ซึ่งไปเที่ยวที่ร้านท็อปวัน เสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาด จากการสืบสวนสอบสวนขยายผล พบว่า สถานบันเทิงดังกล่าวได้มีกลุ่มทุนจีนเป็นเจ้าของ โดยใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี บุคคลที่เกี่ยวข้อง และเป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นจำนวน 2 ราย ได้แก่


1. นายวีรยุทธ แซ่หย้าง อายุ 23 ปี
2. นายจาง เจี้ยนกุ้ย อายุ 48 ปี สัญชาติจีน

กลุ่มนายหมิง เจ้าของ ร้านท็อปวัน

ซึ่งกลุ่มที่ถูกจับกุมแล้ว ได้แก่ กลุ่มนายตู้ห่าว , กลุ่มนายเดวิด และกลุ่มนายหยู่ฉางเฟ่ย 
ส่วนกลุ่มนายโทนี่ อยู่ระหว่างจับกุมและกำลังหลบหนี   ส่วนนายหมิง หลบหนีออกนอกประเทศ อยู่ระหว่างการออกหมายจับสากล