วันที่ 21 มกราคม 2566 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการจ่ายเงินโครงการประกันรายได้ข้าว สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 4 โดยราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 15 สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 14 -20 ม.ค.66 ดังนี้
1. ข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว
2.ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,614.88 บาท
3.ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,147.94 บาท
4.ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 10,052.72 บาท
5.ข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,540.13 บาท
สำหรับการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง งวดที่ 15 พบว่าราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงสูงกว่าราคาเป้าหมายประกันรายได้เกือบทุกชนิดข้าวดังนี้
1.ข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว
2.ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ชดเชยตันละ 385.12 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 6,161.92 บาท
3.ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ไม่ต้องชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าเป้าหมาย
4.ข้าวเปลือกเจ้า ไม่ต้องชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าเป้าหมาย
5.ข้าวเปลือกเหนียว ไม่ต้องชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าเป้าหมาย
โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 25 ม.ค. 2566 มีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรงวดนี้ จำนวน 4,206 ครัวเรือน
“สำหรับในพื้นที่ภาคใต้จะช้ากว่าภาคอื่น เพราะมีการเพาะปลูกช้า สำหรับภาคใต้ขณะนี้ผลผลิตเริ่มออก แต่ก็จะมีการทยอยกระจายไปทุกงวด โดยจะเริ่มต้นเก็บเกี่ยวเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และจะออกเป็นปริมาณมากในเดือนเมษายน 2566 ซึ่งถัดจากนี้ก็จะทยอยโอนส่วนต่างไปเรื่อยๆชาวนาภาคใต้ก็จะได้รับส่วนต่างเหมือนกับชาวนาทุกภาค” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว