องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) สำนักงานกรุงเทพฯ จัดงานฉลองครบรอบ 70 ปีการก่อตั้งในประเทศไทย ในวันที่ 24 กันยายน 2567 ณ โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้แทนระดับสูงจากทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยและญี่ปุ่นเข้าร่วมงาน
นายอิชิกุโระ โนริฮิโกะ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารเจโทรสำนักงานใหญ่ เดินทางมาร่วมงานพิเศษนี้ พร้อมกล่าวถึงความสำคัญของสำนักงานกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสำนักงานเก่าแก่อันดับสองในเครือข่ายต่างประเทศของเจโทร โดยได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2497
ภายในงานมีการจัดแสดงกิจกรรมตลอด 70 ปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งแนะนำโครงการปัจจุบันของเจโทรนอกจากนี้ ยังมีการปาฐกถาโดยผู้แทนระดับสูงจากรัฐบาลไทย ตามด้วยการอภิปรายในหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น บทบาทของบริษัทญี่ปุ่นในการแก้ไขปัญหาสังคมไทย อนาคตความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-ญี่ปุ่น รวมถึงทิศทางการดำเนินงานของเจโทรในอนาคต
ประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจในการอภิปราย ได้แก่ "นวัตกรรม" และ "การลดการปล่อยคาร์บอนและธุรกิจเพื่อความยั่งยืน" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มธุรกิจที่กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสนี้ โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเจโทรในการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและญี่ปุ่นรวมถึงการให้ความช่วยเหลือบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย
"JETRO Bangkok มีผลงานประจักษ์จากตัวเลขการจ้างงานของบริษัทญี่ปุ่นในไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นายพิพัฒน์กล่าว พร้อมทั้งชื่นชมการสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ซึ่งจัดทำโดยเจโทรร่วมกับหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ (JCC) ว่าเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนความคิดเห็นของบริษัทญี่ปุ่นในไทยได้เป็นอย่างดี
นายพิพัฒน์ยังเปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานได้นำข้อมูลจากผลสำรวจดังกล่าวไปศึกษา วิเคราะห์ และทบทวนแนวทางการดำเนินนโยบายที่เกี่ยวข้องกับสถานประกอบการ เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของบริษัทและนักลงทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย
ตลอด 70 ปีที่ผ่านมา เจโทร กรุงเทพฯ ได้ปรับเปลี่ยนการดำเนินกิจกรรมให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคสมัย แต่ยังคงมุ่งมั่นในการเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างไทยและญี่ปุ่น โดยใช้ความยืดหยุ่นและความคล่องตัวในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ
การจัดงานในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จที่ผ่านมา แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคตของความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและญี่ปุ่น โดยมุ่งเน้นด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศต่อไป