ยูนิเซฟเผย เด็กหญิงและผู้หญิง 1 ใน 8 ทั่วโลกถูกล่วงละเมิดทางเพศก่อนวัย 18

10 ต.ค. 2567 | 10:00 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ต.ค. 2567 | 10:06 น.

รายงานจากยูนิเซฟชี้ว่า กว่า 370 ล้านเด็กหญิงและผู้หญิงทั่วโลกตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางเพศตั้งแต่วัยเด็ก พร้อมเรียกร้องให้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน

องค์การกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (United Nations Children's Fund) หรือ ยูนิเซฟ (UNICEF) เปิดเผยรายงานที่ชี้ให้เห็นถึง "ปัญหาความรุนแรงทางเพศ" ที่เกิดขึ้นกับเด็กหญิงและผู้หญิงทั่วโลก โดยระบุว่า เด็กหญิงและผู้หญิงมากกว่า 370 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 8 ของประชากรโลก ถูกละเมิดทางเพศก่อนอายุ 18 ปี หากนับรวมการละเมิดแบบที่ไม่ต้องสัมผัส เช่น การล่วงละเมิดทางคำพูดหรือการถูกคุกคามออนไลน์ ซ้ำร้ายตัวเลขนี้มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเป็น 650 ล้านคน หรือ 1 ใน 5 ของเด็กหญิงและผู้หญิงทั่วโลก

ข้อมูลจากรายงานระบุว่าการละเมิดทางเพศส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น โดยเฉพาะในเด็กอายุระหว่าง 14-17 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงสูงที่สุด เด็กหญิงที่ตกเป็นเหยื่อไม่เพียงแต่เผชิญกับผลกระทบด้านสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล หรือการใช้สารเสพติดเท่านั้น แต่ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และประสบปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์ในอนาคต

ภูมิภาคที่มีความเสี่ยงสูง

รายงานยังชี้ให้เห็นว่าการละเมิดทางเพศไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตาม แอฟริกาใต้สะฮารามีสัดส่วนเหยื่อที่สูงที่สุด โดยมีเด็กหญิงและผู้หญิงประมาณ 79 ล้านคนที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางเพศ ตามมาด้วยภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ที่มีจำนวนเหยื่อ 75 ล้านคน หรือ 8% ของประชากรหญิงในภูมิภาคนั้นๆ

ในส่วนของภูมิภาคยุโรปและอเมริกาเหนือ พบว่ามีเด็กหญิงและผู้หญิงประมาณ 68 ล้านคน หรือ 14% ของประชากรที่ตกเป็นเหยื่อ ขณะที่ละตินอเมริกาและแคริบเบียนมีจำนวนเหยื่อประมาณ 45 ล้านคน หรือ 18% ของประชากรหญิง

นอกจากนี้ รายงานยังพบว่าภูมิภาคที่มีความเปราะบางสูง เช่น พื้นที่ที่มีความขัดแย้งทางการเมืองหรือพื้นที่ที่มีผู้ลี้ภัยจำนวนมาก จะมีสัดส่วนเหยื่อที่สูงขึ้น โดยพบว่ามีเด็กหญิง 1 ใน 4 ที่เสี่ยงต่อการถูกละเมิดทางเพศในสภาพแวดล้อมเหล่านี้

ความรุนแรงทางเพศในวัยเด็กไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังสร้างบาดแผลทางจิตใจที่ยาวนาน โดยเด็กที่ตกเป็นเหยื่อมักประสบกับปัญหาด้านสุขภาพจิตที่รุนแรง เช่น การประสบปัญหาความวิตกกังวลอย่างเรื้อรัง ภาวะซึมเศร้า หรือแม้กระทั่งมีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การใช้สารเสพติดหรือการก่อปัญหาในสังคม

คาเธอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการยูนิเซฟกล่าวว่า "ความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นกับเด็กเป็นรอยด่างที่ร้ายแรงบนจิตสำนึกของเรา มันสร้างบาดแผลลึกและยาวนาน และมักเกิดขึ้นโดยผู้ที่เด็กไว้วางใจในสถานที่ที่พวกเขาควรรู้สึกปลอดภัยที่สุด"


ยูนิเซฟได้เรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานทั่วโลกเพิ่มความพยายามในการป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ โดยแนะนำให้เปลี่ยนแปลงแนวคิดทางสังคมที่เป็นอุปสรรคในการรายงานและเปิดเผยการละเมิด สนับสนุนให้เด็กมีเครื่องมือและช่องทางในการขอความช่วยเหลือเมื่อเผชิญกับการล่วงละเมิดทางเพศ รวมถึงปรับปรุงกฎหมายและนโยบายเพื่อคุ้มครองเด็กให้ได้รับความยุติธรรมอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ รายงานยังเน้นถึงความสำคัญของการลงทุนในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดทางเพศในเด็ก เนื่องจากยังมีช่องว่างข้อมูลที่ยังไม่ครอบคลุมเพียงพอ โดยเฉพาะในส่วนของประสบการณ์ของเด็กชายซึ่งมีการศึกษาและรายงานที่น้อยกว่ามาก

 

การประชุมระดับโลกเพื่อยุติความรุนแรงต่อเด็ก

รายงานฉบับนี้ถูกเผยแพร่ก่อนการประชุมระดับรัฐมนตรีเพื่อยุติความรุนแรงต่อเด็กครั้งแรกในโคลอมเบีย ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนหน้า โดยยูนิเซฟคาดหวังว่าผู้นำจากทั่วโลกจะให้ความสำคัญกับประเด็นนี้และเพิ่มการลงทุนในการป้องกันความรุนแรงต่อเด็กในทุกภูมิภาคทั่วโลก

ทั้งนี้ ยูนิเซฟย้ำว่าการป้องกันการละเมิดทางเพศในเด็กจำเป็นต้องเป็นความร่วมมือในระดับนานาชาติ โดยผู้นำของประเทศต่างๆ ต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคนและหยุดยั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วโลก

 

อ้างอิง: