จากที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหา อาชญากรรมออนไลน์ ทุกรูปแบบ โดยผลักดัน พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 มีผลบังคับมาตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. 2566 ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการติดตามผลการปราบปรามหลังจากมีกฎหมายที่เข้มงวดขึ้นอย่างใกล้ชิด
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานข้อมูล สถิติการแจ้งความคดีออนไลน์ พบว่าตั้งแต่ 1 มี.ค. 2565 -24 เม.ย. 2566 มีคดีออนไลน์ 244,734 คดี ซึ่งเมื่อพิจารณาข้อมูลเป็นรายเดือนได้เห็นแนวโน้มจำนวนคดีออนไลน์ที่ลดลงจากประมาณ 27,000 คดีต่อเดือนในเดือน ธ.ค. 2565 เป็น 24,000 คดี 21,000 คดี และ 20,000คดี ในเดือน ม.ค. -มี.ค. 2566 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม แม้จากข้อมูลรายเดือนจะเห็นแนวโน้มคดีออนไลน์ที่ลดลง แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่นิ่งนอนใจ เนื่องจากยังพบกรณีการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งการขายสินค้า/บริการทางออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ หลอกให้ทำธุรกรรมต่างๆ ดังนั้น พร้อมกับการเร่งปราบปรามผู้กระทำผิดโดยเจ้าหน้าที่นี้
จึงขอย้ำเตือนประชาชนให้ยังคงระมัดระวังตนเอง ดูแลสอดส่องคนในครอบครัวไม่หลงเชื่อบุคคลแปลกหน้าที่ติดต่อมาทุกช่องทาง โดยเฉพาะหากมีกรณีที่เกี่ยวข้องกับการให้ทำธุรกรรม ให้โอนเงิน ชำระเงินค่าสินค้า/บริการ ให้ตั้งข้อสงสัยก่อนว่าอาจเป็นมิจฉาชีพ และให้ตรวจสอบโดยละเอียดก่อนทำธุรกรรม
ทั้งนี้ มิจฉาชีพได้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาที่ใช้ในการหลอกลวงไปตามสถานการณ์ ล่าสุดกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แจ้งเตือนว่าได้มีกรณีมิจฉาชีพอาศัยช่วงที่ประชาชนให้ความสนใจติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า หลอกลวงขายแผงโซลาร์เซลล์ โดยมีพฤติกรรมเป็นที่น่าสังเกต ดังนี้
บช.สอท. ได้มี ข้อแนะนำจุดสังเกตเพื่อการซื้อสินค้า/บริการออนไลน์ที่ปลอดภัย ดังนี้